บริษัท Metaplanet บริษัทจดทะเบียนในญี่ปุ่นที่ผันตัวมาเป็นบริษัทคลังสินทรัพย์ Bitcoin (Bitcoin Treasury Company) กำลังเผชิญกับวิกฤตทางการเงินที่น่ากังวล โดยราคาหุ้นของบริษัทได้ดิ่งลงอย่างรุนแรงถึง 78% จากจุดสูงสุดเมื่อกลางปี 2025 สัญญาณนี้ตอกย้ำถึงความเปราะบางของบริษัทที่ใช้กลยุทธ์การถือครอง Bitcoin แบบเต็มตัว (Bitcoin Treasury Firm)
สถานการณ์ของ Metaplanet เลวร้ายลงเมื่อ Bitcoin ปรับตัวลง โดยมีต้นทุนการซื้อ Bitcoin โดยเฉลี่ย (Cost Basis) อยู่ที่ประมาณ $108,000 ต่อ BTC ซึ่งหมายความว่า ณ ระดับราคา Bitcoin ในปัจจุบันที่อยู่ต่ำกว่า $103,000 บริษัทกำลังตกอยู่ในสถานะ “ขาดทุนในทางบัญชี” (Underwater) จากการถือครอง Bitcoin จำนวนกว่า 30,000 BTC
สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ การที่บริษัทเพิ่งดำเนินการกู้ยืมเงินจำนวน 100 ล้านดอลลาร์ โดยใช้ Bitcoin ที่ถือครองอยู่เป็นหลักประกัน (Bitcoin-backed loan) เพื่อนำเงินไปซื้อ Bitcoin เพิ่มเติม และใช้ในการซื้อหุ้นคืน (Share Repurchases) การใช้หนี้สินมาสนับสนุนการซื้อ Bitcoin เช่นนี้ ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากชุมชนคริปโต เนื่องจากประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าการกู้ยืมโดยมี BTC เป็นหลักประกัน มักจะขยายความเสียหายให้รุนแรงขึ้นเมื่อราคา Bitcoin ดิ่งลงอย่างรวดเร็ว
นักวิเคราะห์ชี้ว่า สถานการณ์ของ Metaplanet กำลังเป็น สัญญาณเตือนล่วงหน้า (Early Warning) ให้กับบริษัทจดทะเบียนกว่า 20 แห่งที่ถือครอง Bitcoin ในคลังทรัพย์สิน โดยมีการตั้งคำถามที่สำคัญว่า: หากบริษัทที่ใช้กลยุทธ์ Bitcoin Treasury แสดงความอ่อนแอขนาดนี้ในขณะที่ราคา BTC ยังคงอยู่เหนือ $100,000 แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากราคา Bitcoin ร่วงลงไปสู่ระดับ $90,000 หรือ $80,000?
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากแนวโน้มการขาดทุนนี้ยังคงดำเนินต่อไป อาจเกิด “Domino Effect” ของการบังคับขายหลักประกัน (Forced Liquidations) ในหมู่บริษัทเหล่านี้ ซึ่งจะยิ่งสร้างแรงกดดันต่อตลาด Bitcoin โดยรวม การที่บริษัทเหล่านี้พึ่งพาหนี้สินและราคาสูงเพื่อขับเคลื่อนการเติบโต อาจกลายเป็นจุดที่ทำให้ความเจ็บปวดจากการใช้เลเวอเรจทวีความรุนแรงขึ้นในท้ายที่สุด.
ที่มา: @TedPillows

