นักลงทุนกำลังประเมินมูลค่าของ Ethereum (ETH) กันใหม่ หลังพบว่า “เศรษฐกิจบนเครือข่าย” (Tokenized Asset) เติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้ชี้ว่าราคา ETH ในปัจจุบัน “ถูกประเมินค่าต่ำไป” (Undervalued)

1. Ethereum “ครอง” ตลาด Tokenized $200B
ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า มูลค่าสินทรัพย์ Tokenized ทั้งหมดในทุกบล็อกเชนอยู่ที่ประมาณ 314,000 ล้านดอลลาร์
แต่ Ethereum เพียงเชนเดียว “ครองส่วนแบ่ง” (Accounting for) ไปถึง 201,000 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 2 ใน 3 ของตลาดทั้งหมด ตอกย้ำสถานะการเป็น “เลเยอร์การชำระดุล” (Settlement Layer) ที่ถูกใช้งานมากที่สุดในปี 2025
- Stablecoin คือ “กระดูกสันหลัง” Stablecoin ( USDT และ USDC) ยังคงเป็น “กระดูกสันหลัง” (Backbone) ของระบบเศรษฐกิจนี้ สร้างสภาพคล่องมหาศาล (Deep Liquidity) ให้กับ DeFi และการชำระเงินข้ามพรมแดน Fidelity Digital Assets ตั้งข้อสังเกตว่า Stablecoin ได้กลายเป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยนระดับโลกไปแล้ว โดยมีปริมาณธุรกรรม 12 เดือนที่ผ่านมาสูงถึง 18 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่ง “แซงหน้า” ปริมาณธุรกรรมต่อปีของ Visa (15.4 ล้านล้านดอลลาร์) ไปแล้ว
- “กองทุน-RWA” โต 2,000% (BlackRock นำทัพ) นอกเหนือจาก Stablecoin สินทรัพย์กลุ่ม “กองทุน Tokenized” (Tokenized fund assets) บน Ethereum “เติบโต” (Surged) เกือบ 2,000% ตั้งแต่เดือนมกราคม 2024 โดยได้แรงหนุนจาก “ยักษ์ใหญ่” อย่าง BlackRock (กองทุน BUIDL) และ Fidelity ที่นำผลิตภัณฑ์การเงินดั้งเดิมขึ้นมาบนเชน สินทรัพย์ RWA (Real-World Assets) กลายเป็นหมวดหมู่ที่ “โตเร็วที่สุด” (Fastest-growing) โดยเฉพาะ “พันธบัตรสหรัฐฯ Tokenized” (Tokenized Treasuries) บน Ethereum มีมูลค่ารวม 12,000 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 34% ของตลาด RWA ทั่วโลก (35.6 พันล้านดอลลาร์) โดยมีโปรโตคอลอย่าง Ondo, Centrifuge และ Maple เป็นผู้ขับเคลื่อน
- Token Terminal ชี้ นี่คือ “ราคาพื้น” แพลตฟอร์มวิเคราะห์ Token Terminal ตั้งข้อสังเกตว่า เศรษฐกิจ Tokenized มูลค่า 201,000 ล้านดอลลาร์นี้ ทำหน้าที่เป็นเสมือน “ราคาพื้น” (Set the floor) ให้กับมูลค่าตลาดรวม (Market Cap) ของ ETH

2. สัญญาณกระทิง “ของ” ใน Exchange “ร่อยหรอ”
ข้อมูลจาก CryptoQuant ชี้ให้เห็นปัจจัยบวกอีกประการ อุปทาน (Supply) ของ ETH บน Binance (ตลาดเทรดที่ใหญ่ที่สุด) “ลดลง” อย่างรวดเร็ว (Declined sharply) และแตะ “ระดับต่ำสุด” นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2024 (ณ ระดับ 0.0327)
การไหลออกอย่างต่อเนื่องนี้ (แม้ในช่วงที่ราคาพุ่งไปเกือบ 4,500 – 5,000 ดอลลาร์ ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน) ส่งสัญญาณว่าเหรียญกำลัง “ถูกย้าย” (Moving) ไปเก็บใน Cold Storage หรือกระเป๋าระยะยาว ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เรียกว่า “การสะสม” (Accumulation)
นักวิเคราะห์ชี้ว่า การที่ “ของ” (อุปทาน) ใน Exchange มีน้อย จะช่วย “ลดแรงกดดันในการเทขาย” (Alleviate sell pressure) และอาจเป็นการปูทางให้ราคากลับมามีเสถียรภาพหรือฟื้นตัวขึ้นรอบใหม่

ที่มา: cointelegraph

