David Hoffman ผู้ร่วมก่อตั้ง Bankless แสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่า หากวันหนึ่ง Bitcoin ประสบปัญหาล่มสลาย เนื่องจากภัยคุกคามของควอนตัมคอมพิวเตอร์ นั้น Ethereum จะยังคงสามารถทำงานได้ตามปกติ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ประเด็นดังกล่าว กลายเป็นที่ถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนอีกครั้งในวงการคริปโต ถึงความเป็นไปได้ที่ควอนตัมคอมพิวเตอร์ จะสามารถทำลายความปลอดภัยของเครือข่าย Bitcoin ได้จริงหรือไม่
แม้ว่า Nic Carter นักลงทุนสาย Bitcoin จะเคยแสดงความเห็นว่า หาก Bitcoin ล่มสลายลง ความเชื่อมั่นต่อเงินดิจิทัลทั้งหมด อาจจะหายไปอย่างสิ้นเชิง
แต่ David Hoffman ผู้ร่วมก่อตั้ง Bankless ก็ได้ออกมาโต้แย้งอย่างหนักแน่นว่า “ต่อให้ Bitcoin หยุดสร้างบล็อก Ethereum ก็ยังเดินหน้าต่อได้ โดยไม่มีผลอะไรเลย แม้อาจเกิดความตื่นตระหนกในตลาดระยะสั้น แต่ฟังก์ชันและคุณค่าที่แท้จริงของ Ethereum จะยังคงอยู่ครบถ้วน และอาจได้รับความสนใจในตลาดเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ ”
ประเด็นความเสี่ยงจากควอนตัมคอมพิวเตอร์ ชี้ให้เห็นว่า Bitcoin ยังมีความเสี่ยงมากกว่า เนื่องจากยังใช้มาตรฐานลายเซ็นดิจิทัลรุ่นเก่าอย่าง ECDSA ทำให้เสี่ยงต่อการถูกควอนตัมคอมพิวเตอร์แงะคีย์ได้
ซึ่งนักวิจัยบางรายได้ออกมาเตือนว่า ควอนตัมคอมพิวเตอร์ ที่มีศักยภาพในการใช้ Shor’s Algorithm (ซึ่งเป็นอัลกอริทึมที่สามารถถอดรหัสลับของสกุลเงินดิจิทัลได้) อาจจะถูกพัฒนา และปรากฏขึ้นก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งหน้าเสียอีก
ในทางตรงกันข้าม Ethereum ได้เตรียมพร้อมรับมืออย่างแน่นหนา โดยมีการปกปิด Public Key หลัง Address เพื่อลดโอกาสในการโดนเจาะ, มีการป้องกันคีย์ถอนของ Validator หลังการ Merge, และมีแผนงานที่ชัดเจนในการย้ายไปใช้ลายเซ็นแบบ Quantum-Resistant ผ่านการอัปเกรด เช่น Verkle Trees และ EOF
สรุปได้ว่า Bitcoin อาจเสี่ยงกว่า แต่ Ethereum นั้นมีแผนรับมือที่ชัดเจนและครอบคลุมเรียบร้อยแล้ว
ที่มา : cryptopotato

