<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ความจริงเปิดเผย! “ไบเดน” บีบแบงก์ห้ามยุ่งคริปโต หวังทำลายอุตสาหกรรมการเงินใหม่

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

French Hill ประธานคณะกรรมาธิการบริการทางการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้ออกมาเปิดโปงความจริงที่อัดอั้นตันใจชาวคริปโตมานาน

ด้วยการเผยแพร่รายงานฉบับล่าสุดที่ระบุชัดเจนว่า รัฐบาลชุดก่อนภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ดำเนินนโยบายที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเป็นระบบ หรือที่วงการเรียกขานกันว่า “Operation Choke Point 2.0”

รายงานฉบับนี้ชี้ให้เห็นถึงความพยายามของหน่วยงานรัฐที่จงใจ “ขัดขา” การพัฒนาของอุตสาหกรรมคริปโตตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายหลักคือการทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินจากธนาคารพาณิชย์ได้ ซึ่งเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยงสำคัญที่ทำให้ธุรกิจไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ตามปกติ

กลยุทธ์ตัดท่อน้ำเลี้ยงและการใช้อำนาจเกินขอบเขต

รายงานได้เจาะลึกถึงวิธีการอันแยบยลที่ภาครัฐใช้เล่นงานอุตสาหกรรม โดยระบุว่ารัฐบาลพยายามสร้างบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวให้กับสถาบันการเงิน ด้วยการสร้างภาพลักษณ์ว่าระบบนิเวศของสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นเต็มไปด้วยความผันผวนและความเสี่ยงสูง หน่วยงานกำกับดูแลใช้วิธีการกำหนดกติกาที่ไม่ชัดเจนและให้อำนาจดุลพินิจแก่เจ้าหน้าที่มากเกินไปในการกดดันธนาคาร

นอกจากนี้ ยังมีการใช้วิธีการบังคับใช้กฎหมายแบบ “เชือดไก่ให้ลิงดู” ของ ก.ล.ต. สหรัฐฯ (SEC) และมาตรการเข้มงวดจากธนาคารกลาง (Fed) เพื่อบีบให้ภาคธนาคารต้องถอยห่างจากลูกค้ากลุ่มคริปโต ซึ่งการกระทำเหล่านี้ถือเป็นการใช้อำนาจรัฐเพื่อกีดกันอุตสาหกรรมที่ถูกกฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม

ฟ้าเปิดในยุคใหม่พร้อมกฎหมายที่ชัดเจน

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เริ่มพลิกผันไปในทิศทางที่ดีขึ้นในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยรายงานระบุว่าหน่วยงานกำกับดูแลชุดใหม่ได้เริ่มยกเลิกคำสั่งและกฎระเบียบเก่าๆ ที่เคยเป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกรรมธนาคารของบริษัทคริปโตแล้ว

ความสัมพันธ์ที่ราบรื่นขึ้นระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสยังส่งผลให้เกิดความคืบหน้าทางกฎหมายครั้งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการผ่านร่างกฎหมายควบคุมผู้ออก Stablecoin ซึ่งถือเป็นกฎหมายคริปโตฉบับหลักฉบับแรกของประเทศ รวมถึงการที่สภาผู้แทนราษฎรได้อนุมัติร่างกฎหมายกำกับดูแลตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในภาพรวม

แม้ราคา Bitcoin ในปี 2025 จะมีความผันผวนโดยพุ่งขึ้นไปทำสถิติสูงสุดเหนือ 126,000 ดอลลาร์ก่อนจะปรับตัวลงมา แต่โครงสร้างพื้นฐานทางกฎหมายที่แข็งแกร่งขึ้นกำลังช่วยปูทางให้อุตสาหกรรมก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง

ที่มา: financialservices.house.gov