<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

คนงบน้อยมีเฮ! แผนเกษียณด้วยคริปโตที่เซียนหุ้นใช้ปั้นพอร์ต “หลักล้าน” จากเงินไม่กี่บาท

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หลายคนคิดว่าการเกษียณด้วยคริปโตต้องเป็น “สายซิ่ง” เท่านั้น แต่ความจริงแล้ว เราสามารถใช้หลักการ Financial Planning แบบตลาดหุ้น มาประยุกต์ใช้กับ Bitcoin และ Ethereum เพื่อสร้างความมั่งคั่งแบบ “เสือนอนกิน” ได้จริง

1. ตั้งโจทย์: คุณอยากมีเงินใช้เดือนละเท่าไหร่?

ก่อนจะถามว่าจะซื้อเหรียญอะไร ต้องถามก่อนว่า “ถ้าหยุดทำงาน คุณต้องใช้เงินเดือนละเท่าไหร่?”

ในโลกของการลงทุนหุ้น เรามักที่จะหวังเงินปันผล แต่ในโลกคริปโต เราเรียกสิ่งนี้ว่า “Staking Rewards” หรือ “Yield”

  • โจทย์ตัวอย่าง: คุณต้องการเงินเพิ่มขึ้นเดือนละ 15,000 บาท จากการลงทุน
  • หมายความว่าปีหนึ่งจะต้องมีเงิน : 15,000 x 12 = 180,000 บาท/ปี

2. คำนวณขนาดพอร์ตที่ต้องมี 

เมื่อได้เป้าหมายเบื้องต้นมาแล้วขั้นถัดมาที่เราต้องวางแผนคือขนาดพอร์ตการลงทุนของเราซึ่งสูตรคลาสสิกคือ : รายจ่ายต่อปี / อัตราผลตอบแทนคาดหวัง = ขนาดพอร์ตที่ต้องมี

ในโลกคริปโต เราสามารถหาผลตอบแทนที่ปลอดภัยระดับ Low-Risk ได้หลายรูปแบบ (เช่น Staking ETH หรือฝาก Stablecoin) ซึ่งจะได้เงินเฉลี่ยประมาณ 4% – 6% ต่อปี 

  • คำนวณ: 180,000 / 5% (0.05) = 3,600,000 บาท
  • นี่คือตัวเลขเป้าหมายของคุณ โดยพอร์ตต้องโตไปถึง 3.6 ล้านบาท เพื่อที่จะสร้างเงินสดให้คุณใช้เดือนละ 15,000 บาท

3. คำนวณเงินลงทุน: ต้อง DCA เดือนละเท่าไหร่?

สมมติเป้าหมายคือการมีเงินสด 3.6 ล้านบาท ถ้าหากเรานำเงินไปฝากธนาคาร (ดอกเบี้ย 1.5%) จะต้องออมเดือนละ 17,800 บาท และกว่าจะได้เงินจำนวนนี้ต้องใช้เวลาถึง 15 ปี 

กลับกันถ้าลงทุนในคริปโตโดยคาดหวังผลตอบแทนทบต้นเฉลี่ย (CAGR) ของ Bitcoin ที่ประมาณ 15% – 20% ต่อปี จะทำให้เงินที่ต้องลงทุนนั้น ลดลงเหลือ 5,500 – 6,000 บาท หากใช้เวลาเก็บเท่ากับเงินฝาก แต่ถ้าออมเงินเต็มจำนวนจะสามารถร่นระยะเวลาจาก 15 ปี ให้เหลือเพียงแค่ 8 ปี 5 เดือน เท่านั้น

4. ประเภทผลตอบแทน: Growth vs. Yield 

ในการปั้นพอร์ตคริปโตให้งอกงาม ใช่ว่าการทุ่มเงินทั้งหมดแล้วเอาไปฝากหาดอกเบี้ยใช่ว่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด กลับกันการลงทุนในคริปโตควรแบ่งออกเป็น 2 ช่วงเวลาชัดเจน เหมือนการปลูกต้นไม้

ช่วงเพาะปลูก : เน้น Capital Gain 

ในช่วงนี้จะเป็นช่วงเริ่มต้นในการลงทุน เราต้องการให้เงินต้น 1,000 บาท โตเป็น 10,000 บาท ซึ่งการทำเช่นนั้นได้เราต้องหวังให้ราคาของสินทรัพย์พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง และจะตามมาด้วยความเสี่ยงที่สูงยิ่งขึ้น

ทว่า หากวัดกันตามสถิติแล้ว Bitcoin ถือเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่น่าสนใจเพราะยังไม่เคยมีใครที่ “ติดดอย” หากถือนานพอ และจากวัฏจักรล่าสุด Bitcoin ได้พุ่งขึ้นมาจากจุดต่ำสุดถึง 750% เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดใหม่ นั่นจึงทำให้ช่วงนี้เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการสร้างฐานเงินต้นให้มั่นคง

ช่วงเก็บเกี่ยว : เน้น Yield (ดอกเบี้ย/รางวัล)

เมื่อพอร์ตของเราโตมากเพียงพอแล้ว ขั้นถัดมาคือการลดความเสี่ยงให้ต่ำลงในขณะที่ยังคงรักษาผลตอบแทนที่ได้ นั่นจึงทำให้รูปแบบที่สองของการลงทุนในคริปโตเป็นที่น่าสนใจกว่าอย่างการสร้าง Yield ผ่านทางการฝาก Stablecoin เช่น USDT/USDC 

จริงอยู่ว่ากำไรเป็นเปอร์เซนต์อาจจะน้อยเมื่อเทียบกับการถือคริปโตตามปกติ แต่ก็มีข้อดีตรงที่ไม่ต้องปวดหัวเรื่องความผันผวนของราคา เว้นเสียแต่ว่าจะเกิดมูลค่าหลุด Peg ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้

ส่วนถ้าใครอยากจะเสี่ยงมากขึ้นไปอีก การ Staking เหรียญชั้นนำอย่าง Ethereum และ Solana ก็น่าสนใจไม่น้อยเพราะสามารถได้เหรียญเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องทำอะไรนอกจากล็อคเหรียญ และสามารถขายออกไปได้เมื่อราคาสูงขึ้น

5. การจัดพอร์ตในช่วงปั้นพอร์ต 

เป้าหมาย: โตให้ไวที่สุด แต่อย่าให้เงินต้นหาย พยายาม DCA ทุกเดือน ไม่สนราคา

สินทรัพย์สัดส่วนเหตุผล
Bitcoin (BTC)70%เป็นสินทรัพย์ที่ผันผวนน้อยกว่า ใช้รักษาเสถียรภาพพอร์ต
Ethereum (ETH)30%คาดหวังผลเติบโตที่สูงกว่า BTC เล็กน้อย แต่ยังคงต้องการความปลอดภัยของโปรเจกต์ว่าจะไม่ล้ม

Note : ยังไม่ต้องถือ Stablecoin ในช่วงนี้ เพราะเราต้องการให้พอร์ตเติบโตเต็มที่ และไม่ควรถือเหรียญซิ่ง (เหรียญมีม,เหรียญกระแส) เพราะถ้าพลาด เงินต้นหาย แผนเกษียณพัง ให้แบ่งไปเป็นพอร์ตลงทุนแยกต่างหากดีกว่า


6. การจัดพอร์ตช่วงรับปันผล 

เมื่อพอร์ตโตถึง 3.6 ล้านบาทแล้ว ให้ทำการ Rebalance เปลี่ยนจาก “เน้นโต” มาเป็น “เน้นเงินปันผล” คล้ายกับคอนเซปต์ Covered Call ETF หรือ Dividend Stock

เป้าหมาย: สร้าง Cashflow 15,000 บาท/เดือน + รักษาเงินต้น

สินทรัพย์สัดส่วนวิธีการหารายได้ (Yield)
USDT/USDC (Stablecoin)40%นำไปฝากกินดอกเบี้ยบนกระดานเทรดใหญ่ๆ ได้ 1-10% ต่อปี (ความเสี่ยงต่ำสุด)
Ethereum (Staked)40%นำไป Stake บนเชน (Liquid Staking) ได้ประมาณ 3-4% + ลุ้นราคาเหรียญขึ้นต่อ
Bitcoin20%ถือไว้เฉยๆ เพื่อเป็น Store of Value ป้องกันเงินเฟ้อระยะยาว

Note : หากเชี่ยวชาญและมีความรู้ในโลกคริปโต การทำ Covered Call อาจเป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจในการสร้างรายได้ ซึ่งหลักการก็คือ ฝาก BTC/ETH/USDT ไว้ โดยตกลงว่าจะขายหรือซื้อที่ราคาหนึ่ง หากไม่ถึงเกณฑ์ เราจะได้ดอกเบี้ยที่สูงมาก (บางที 20-50% APR) แต่ไม่เหมาะสำหรับมือใหม่ เพราะต้องมีความชำนาญสูง

บทสรุปและคำแนะนำ 

ก่อนที่เราจะเริ่มลงทุนอย่างจริงจังขอให้พึงระลึกไว้เสมอว่าการลงทุนนั้นมีความเสี่ยง อย่าเพิ่งลงเงินก้อนทั้งหมดตูมเดียว เพราะตลาดคริปโตผันผวนกว่าหุ้น 10 เท่า ดังนั้นควรเริ่ม DCA ด้วยเงินน้อยๆ ก่อน

เมื่อพอร์ตโตขึ้นมาถึงระดับหนึ่งแล้ว ก็ควรเริ่มที่จะไปศึกษา Hardware Wallet ตามวลีเด็ด Not Your Keys Not Your Coins เพราะไม่มีที่ไหนจะปลอดภัยเท่ากับเก็บไว้กับตัวคุณเอง 

สุดท้ายนี้ การลงทุนเพื่อให้มั่งคั่งนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องตื่นเต้นหวือหวา ได้ผลตอบแทนทีร้อยเท่าพันเท่า กลับกันการลงทุนที่ดูน่าเบื่อและใช้เวลานานอาจเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดเพื่อนำไปสู่ความมั่นคงทางการเงินในชีวิต

บทความนี้เป็นเพียงกรณีศึกษาและแนวทางการลงทุน ไม่ใช่คำแนะนำทางการเงิน การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง โปรดศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจ

ที่มา : Youtube