<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

วัยรุ่นยุคใหม่ไม่อินของขวัญ! Gen Z เทใจอยากได้ “คริปโทฯ” มากที่สุดในช่วงเทศกาลวันคริสต์มาส

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นับถอยหลังอีกเพียงไม่กี่สัปดาห์เทศกาลคริสต์มาสก็กำลังจะมาถึง ซึ่งตามธรรมเนียมของชาติตะวันตกแล้ววันคริสต์มาสจะมีการแกะห่อของขวัญสำหรับเด็กๆในบ้าน แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าของขวัญที่ Gen Z อยากได้จะเริ่มต่างออกไปจากในอดีต

Visa บริษัทหัวแถวด้านการชำระเงินของโลกได้เปิดเผยรายงานการสำรวจล่าสุดโดยพบว่ากว่า 45% ของวัยรุ่น Gen Z อยากได้คริปโทเคอร์เรนซีเป็นของขวัญวันคริสต์มาส แม้ว่าในช่วงนี้ราคา Bitcoin จะมีการย่อตัวลงมา แต่บางคนกลับมองว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ซื้อของขวัญคริสต์มาสในราคาที่ถูกลง ทำให้เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับมุมมองในแต่ละคน

อย่างไรก็ดีไม่ใช่ทุกคนจะอยากได้คริปโทฯ ไปเหมือนกันหมดเพราะมีเพียง 28%  ของผู้ร่วมตอบแบบสอบถาม (จากกลุ่มตัวอย่าง 1,000 คน) เท่านั้นที่รู้สึกโอเคกับการรับคริปโทฯ เป็นของขวัญ 

งานวิจัยก่อนหน้าของบริษัทอื่นยังได้เผยอีกว่า คริปโทเคอร์เรนซีเป็นเรื่องของ “ผู้ชาย” มากกว่าเห็นได้จากที่ประชากรชายอายุระหว่าง 18-49 ปี มีสัดส่วนครอบครองคริปโทฯ ถึง 25% เมื่อเทียบกับประชากรผู้หญิงวัยเดียวกันที่ 8%

อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจเลยก็คือ ในบรรดาวัยรุ่นคริปโทฯ ไฟแรงนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามหากรู้จักกับคริปโทฯ ก็มักที่จะรู้จักเศรษฐีหน้าใหม่ที่รวยขึ้นมาด้วยคริปโทฯ เช่นกัน จึงไม่แปลกใจที่คนกลุ่มนี้ให้ความสนใจในคริปโทฯ เพื่อที่จะได้รวยทางลัด

แต่สิ่งที่ทำให้ Gen Z ถูกกระตุ้นมาลงทุนในคริปโทฯ อย่างจริงจังเป็นผลมาจากวิกฤต COVID-19 ที่ทำให้เงินเฟ้อขึ้นอย่างมหาศาล ซึ่ง Gen Z ตระหนักรู้ได้ทันทีทั่วกันเลยว่าแค่ลงทุนใน S&P 500 เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตในอนาคตที่ค่าครองชีพสูงขึ้น และต้องการสิ่งที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าซึ่งนั่นก็คือคริปโทฯ นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ผู้ปกครองของ Gen Z กลับมีความคิดที่สวนทางกันอย่างสิ้นเชิง บางรายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแท้จริงแล้วคริปโทฯ คืออะไร และมีความกังวลที่จะลงทุนมากกว่าลูกๆ เพราะคิดว่าคริปโทฯ ไม่มูลค่าแท้จริงรองรับเหมือนกับหุ้น

แต่ไม่ว่าจะมีมุมมองอย่างไรก็แล้วแต่ สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ Bitcoin ได้ก้าวขึ้นมาเป็นสินทรัพย์ที่ทำผลตอบแทนได้สูงที่สุดแบบขาดลอย แต่ในอนาคต Bitcoin จะยังคงรักษามาตรฐานนี้ได้ต่อไปหรือไม่เป็นเรื่องที่ต้องมาลุ้นกัน

ที่มา : usatoday