<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Ethereum อาการน่าเป็นห่วง! เสี่ยงทุบหนักส่งท้ายปี – จับตาแนวรับสำคัญ $2,900

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ตลาด Ethereum (ETH) กำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนักในช่วงโค้งสุดท้ายของปี โดยราคาไม่สามารถยืนเหนือระดับ 3,400 ดอลลาร์ได้มานานกว่า 40 วันแล้ว สร้างความกังวลว่าตลาดหมีอาจจะครองความได้เปรียบยาวไปจนข้ามปี

ล่าสุดข้อมูลจากตลาดอนุพันธ์ส่งสัญญาณเตือนภัยครั้งสำคัญ เมื่อสัญญา Options มูลค่ามหาศาลกว่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ กำลังจะหมดอายุลงในวันที่ 26 ธันวาคม นี้ ซึ่งอาจเป็นตัวจุดชนวนความผันผวนครั้งใหญ่ให้กับราคาเหรียญ

ยอดรวมสถานะคงค้าง (Open Interest) ของสัญญา ETH Call Options ประจำวันที่ 26 ธ.ค. (หน่วยดอลลาร์สหรัฐ) ที่มา: laevitas.ch

แม้ตัวเลขสัดส่วนสัญญา Call Options (ฝั่งซื้อ) จะดูเหมือนเหนือกว่า Put Options (ฝั่งขาย) ถึง 2.2 เท่า แต่ไส้ในกลับไม่ได้สวยหรูอย่างที่เห็น เพราะสัญญาฝั่งซื้อส่วนใหญ่เก็งกำไรไว้ที่เป้าหมายราคาเวอร์วังระหว่าง 3,500 ถึง 5,000 ดอลลาร์ ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้สัญญาเหล่านี้เสี่ยงที่จะกลายเป็น “กระดาษเปล่า” (Worthless) ในวันศุกร์นี้

ข้อมูลระบุชัดเจนว่ามีสัญญาฝั่งซื้อเพียงไม่ถึง 15% เท่านั้นที่วางเดิมพันไว้ต่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์ สะท้อนให้เห็นว่ากระทิง (Bulls) ประเมินสถานการณ์ผิดพลาดอย่างแรงก่อนที่จะเกิดการเทขายหนักถึง 28% ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

ยอดรวมสถานะคงค้าง (Open Interest) ของสัญญา ETH Put Options ประจำวันที่ 26 ธ.ค. (หน่วยดอลลาร์สหรัฐ) ที่มา: laevitas.ch

สถานการณ์ยิ่งดูเป็นใจให้กับฝั่งหมี (Bears) มากขึ้น เมื่อมีรายงานข่าวใหญ่สะเทือนวงการเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบชิ่งมาถึงสินทรัพย์เสี่ยง โดยมีรายงานว่า Nvidia ได้ระงับการทดสอบสายการผลิตชิปที่ใช้เทคโนโลยี 18A ของ Intel แล้ว หลังจากที่ Intel พยายามผลักดันตัวเองขึ้นมาท้าชนกับ TSMC

ข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนเริ่มมองว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจจาก AI อาจจะชะลอตัวลง ส่งผลให้เกิดการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อป้องกันความเสี่ยง โดยเฉพาะใน Ethereum ที่นักเทรดพากันแห่เปิดสถานะ “Bear Spreads” เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา

กลยุทธ์ ETH Options ยอดนิยมในรอบ 48 ชั่วโมงบน Deribit (หน่วยดอลลาร์สหรัฐ) ที่มา: Laevitas.ch

จุดชี้ชะตาของ Ethereum จะอยู่ที่เวลา 8:00 น. (UTC) ของวันศุกร์นี้ หากราคายังคงจมอยู่ต่ำกว่า 2,900 ดอลลาร์ จะยิ่งซ้ำเติมความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้แย่ลงไปอีก โดยผลลัพธ์ในกรอบราคานี้จะทำให้ฝั่งขายทำกำไรสุทธิได้ถึง 580 ล้านดอลลาร์ แต่หากกระทิงสามารถฮึดสู้ดันราคาให้กลับไปยืนเหนือ 3,100 ดอลลาร์ ได้ ก็พอจะมีลุ้นที่จะพลิกสถานการณ์กลับมามีความหวังได้บ้าง แต่ตราบใดที่ราคายังไม่ผ่านแนวต้านนี้ ฝั่งหมีก็ยังคงเป็นผู้คุมเกมอย่างเบ็ดเสร็จ

ที่มา: cointelegraph