<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

จากหลักล้านเหลือเกือบ 0 ! ตลาด NFT ปี 2025 มูลค่าหายวูบเหลือแต่ความทรงจำ-แทบไม่มีใครใช้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หมดยุคทองของภาพไฟล์ JPEG ราคาหลักพันล้าน! ปี 2025 กลายเป็นปีแห่งความจริงอันโหดร้ายสำหรับตลาด NFT เมื่อตัวเลขการซื้อขายพังทลายลงอย่างน่าใจหาย จากที่เคยรุ่งเรืองสุดขีดในปี 2021 ที่งานศิลปะดิจิทัลเคยขายได้ถึง 69 ล้านดอลลาร์ วันนี้ตลาดได้เปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างสิ้นเชิง โดยผู้ซื้อหันหลังให้กับการเก็งกำไรราคาแพงระยับ และมุ่งเน้นไปที่การใช้งานจริง (Utility) และความยั่งยืนทางวัฒนธรรมแทน

ตัวเลขแดงเถือกยอดขายร่วง 63% มูลค่าหายวับ

เปิดศักราชปี 2025 มาด้วยความซบเซา ยอดขายในไตรมาสแรกดิ่งลงถึง 63% เมื่อเทียบกับปีก่อน เหลือเพียง 1.5 พันล้านดอลลาร์ และสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งทำสถิตยอดขายต่ำที่สุดของปี โดยมูลค่าตลาดรวม (Market Cap) ของของสะสมดิจิทัลหายไปกว่า 66% จากจุดสูงสุดในเดือนมกราคม ข้อมูลล่าสุดชี้ว่ามูลค่าตลาดรวมของ NFT ในปัจจุบันเหลือเพียงประมาณ 2.56 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าเล็กจิ๋วเมื่อเทียบกับจุดพีคในปี 2022 ที่เคยพุ่งสูงถึง 1.68 หมื่นล้านดอลลาร์

ผู้รอดชีวิต-ของเล่นและการกุศล

ท่ามกลางซากปรักหักพัง ยังมีผู้รอดชีวิตที่ปรับตัวได้ โปรเจกต์ Pudgy Penguins สวนกระแสตลาดด้วยยอดขายไตรมาสแรกที่เพิ่มขึ้น 13% ซึ่งเป็นผลสำเร็จจากการขยายแบรนด์ไปสู่ “ของเล่นที่จับต้องได้” ในขณะที่ตำนานอย่าง CryptoPunks แม้ราคาพื้น (Floor Price) จะร่วงลง 78% จากจุดสูงสุด แต่ก็ยังครองแชมป์อันดับ 1 โดยล่าสุด Yuga Labs ได้ตัดสินใจขายสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาให้กับมูลนิธิไม่แสวงหากำไร เพื่อรักษามรดกทางวัฒนธรรมระยะยาวแทนการปั่นราคา

ความหวังใหม่ ตั๋วบอลโลกและการ์ดโปเกมอน

เทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรงคือการนำ NFT มาใช้กับโลกความเป็นจริง องค์กรกีฬาระดับโลกอย่าง FIFA ได้ทดลองใช้ NFT เป็นสิทธิ์ในการซื้อตั๋วฟุตบอลโลกปี 2026 เพื่อแก้ปัญหาตั๋วผี โดยแพ็คเกจราคา 999 ดอลลาร์สำหรับทีมดังอย่างอาร์เจนตินาและฝรั่งเศสได้ขายหมดเกลี้ยง

นอกจากนี้ แพลตฟอร์มอย่าง Courtyard.io ก็กำลังเติบโตด้วยการนำการ์ดสะสมอย่าง Pokémon มาแปลงเป็นโทเคนบนบล็อกเชน โดยสามารถทำยอดขายได้ถึง 12.7 ล้านดอลลาร์ในเดือนเดียว สะท้อนให้เห็นว่าบล็อกเชนกำลังถูกลดบทบาทลงเหลือเพียง “เครื่องมือ” ในการตรวจสอบสิทธิ์ ไม่ใช่สินค้าเก็งกำไรอีกต่อไป

ที่มา: cointelegraph