กูรูคริปโตชำแหละสำนักข่าวดังกรณีโจมตีบิทคับ ข้อมูลคลาดเคลื่อนหลายจุด

ติดตามสยามบล็อกเชนบน

ดูเหมือนว่าสถานการณ์คริปโตในบ้านเรา จะยังคงมีประเด็นดราม่าให้เราได้ติดตามกันอย่างต่อเนื่อง โดยประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดในช่วงเวลานี้ก็คงหนีไม่พ้นกรณีของสำนักข่าวชื่อดังในไทยแห่งหนึ่งที่ได้มีการเขียนวิพากษ์วิจารณ์เว็บเทรดคริปโตชื่อดังของไทย Bitkub หลายบทความด้วยกัน ในช่วงเมื่อวานที่ผ่านมา

ในวันที่ 7 เม.ย. 2565 ทางสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ได้เผยแพร่บทความวิพากษ์วิจารณ์เว็บเทรดคริปโตเบอร์หนึ่งของไทย Bitkub เป็นจำนวนหลายชุด โดยเนื้อหาในแต่ละบทความได้มีการวิเคราะห์ข้อมูล พร้อมตั้งข้อสังเกตและสมมุติฐานต่าง ๆ เพื่อพยายามแสดงให้เห็นว่า เว็บเทรด Bitkub มีความไม่ชอบมาพากลให้นักลงทุนควรระวัง

อย่างไรก็ดีล่าสุดในวันนี้ทางเพจกูรูคริปโตชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเพจที่คอยให้ความรู้เกี่ยวกับโปรเจกต์เหรียญคริปโตและเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนเหรียญ Kub ได้ออกมาร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ในมุมมองส่วนตัว และชี้ให้เห็นว่าข้อมูลที่สำนักข่าวชื่อดังนำมาตีแผ่นั้นมีความเคลื่อนคลาดหลายจุด

ตอน 1

ดีล SCBX จะซื้อเค้าจะคุ้มหรือไม่ ก็ให้เค้าคิดลงทุนเอง ความคุ้มได้เสีย เป็นหน้าที่ของคนซื้อ ถ้าคิดว่าไม่คุ้มก็ไม่ต้องดีล ทาง Bitkub เค้าก็ไปเจรจาเจ้าใหม่แทนเอง ก่อนนี้ที่ผมพอรู้คือ Market Share ของ Bitkub ครองอยู่ถึง 90% ของตลาด แต่ปัจจุบันไม่รู้นะ คือ ถ้าที่ SCBX ไม่สำเร็จก็ยังหาผู้ร่วมทุนเจ้าอื่นได้อยู่ดี
ผู้เขียนบทความ เข้าใจผิดคิดว่า Bitkub คือ Defi แต่จริง ๆ Bitkub คือ Cex แล้ว Bitkub Chain เป็น Cefi
เข้าใจว่าตอนนั้นมีกระแสแบน Bitkub เพราะคนซื้อเป็นธนาคารแห่งหนึ่ง จริง ๆทำธุรกิจในไทยไม่มีเส้นนี้อยู่ลำบากจริง ๆ ดูอย่างมังกรฟ้าล่าสุดเดียวก็คงโดนอยู่เจ้าเดียว ยอมรับไปแฮะว่าทำธุรกิจในไทย อยากทำอย่างตรงไปตรงมาอยู่ไม่รอด
เรื่องโดนแฮค Exchange ไม่ต้องห่วงทาง Bitkub ครับ จากประสบการณ์ โดนทุกราย อยู่ที่แค่วันไหน มีประกันไหม ถ้าตอนเล็ก ๆ ก็จะไม่โดน ตอนใหญ่แล้วค่อยคุ้มค่าแฮ็กหน่อย

ตอน 2

อันนี้ส่วนใหญ่ว่าด้วยเรื่องราคาในวันเปิดตัว ต้องยอมรับว่าวันเปิด KUB เป็นวันที่ตลาดโลกกำลังดิ่งตัวอย่างหนัก ในวันนั้น BNB ร่วงจาก $690 ไป $300 เหมือนกัน โดยปกติเหรียญบางเหรียญที่พอจะกลับตัวทันจะเลื่อนเวลาเปิดขายเปิดเทรดด้วย แต่เนื่องจาก Bitkub ไม่น่าจะเลื่อนวันเวลาที่แจ้งกับ กลต ไว้ได้เลยต้องเปิดตามยถากรรม เปิดขายทุกคนราคาเดียวกัน 30 บาท แล้วก็ไม่พ้น 30 บาท อยู่แค่ 25-29 บาท เสนอขายจำนวน 50 ล้านโทเคน แจกฟรี 10 ล้านโทเคน เป็นเงินระบบ 50 ล้านโทเคน
ถัดจากนั้นด้วยความที่เพิ่งเปิดตัวเชนยังไม่มี dapp อะไรเปิดใหม่ ซึ่ง Total Supply ตอนนั้นอยู่ที่ 1,000 ล้านโทเคน คนก็ประเมินมูลค่าแบบเต็ม Max Total Supply ซึ่งถ้าคนเล่นคริปโต เค้าจะไม่ประเมินแบบนั้น เราจะประเมินกันที่ Circulate Supply หรือ เหรียญที่มีอยู่ในระบบ ณ ขณะนั้น เพราะมันมีลูกเล่นในการทำข่าว ทำราคาได้เสมอ เช่น ในตอนหลังที่ Bitkub ทำการเผา 900 ล้านโทเคนที่ยังไม่ปลดออก แต่สถานการณ์ก็เหมือนดีขึ้นนิดเดียว
จริง ๆ แล้วเราลงทุน เวลาขาดทุนจะไปโทษคนอื่นได้อย่างไง ลงก็ลงกันเอง เค้าก็ไม่ได้โฆษณาว่าจะไปยังงั้นยังงี้เลย

ตอน 3

การเติบโตของ Bitkub ต้องยอมรับว่ามาจากการที่ BX ทำการปิดตัวลงไป จึงทำให้ลูกค้าทั้งหมดของ BX ย้ายมาที่ Bitkub แทน ถามว่าทำไม BX ถึงปิด เพราะคงเจอกฎระเบียบหลายๆอย่างของ กลต ไม่ไหว จนบอกเลิกดีกว่า ซึ่งด้วยกฎระเบียบและการ KYC แบบใหม่ที่ Bitkub ต้องทำจึงน่าจะยุ่งยาก และทำให้ลูกค้าคนใหม่ๆไม่ทัน คนบ่นทั่วเมือง สมัครแล้วจะเทรดก็ไม่ได้ เว็บก็พังรองรับไม่ไหว เนื่องจากคนทะลักมามากไป
อ่านต่อจากนั้น ด่าเรื่องการให้บริการและเหรียญ Jfin และ INF ละ ถัดจากนั้นก็บัญชีม้า นอมินี คิดว่าก็เรื่องปกติของสังคมไทย ๆ นะ
เรื่องมีเงินมาโฆษณา ต้องบอกว่าช่วงโควิดมาใหม่ๆ พวกเรานี้ มาม่าก็ไม่เหลือให้กิน อยู่กันอย่างเจียมตัวมาก แต่พอถัดจากนั้น Defi มาก็เลยอู้ฟู้กลายเป็นสุลต่านกันหลายคน แล้วระดับ Exchange ที่มีคริปโตเก็บ เค้าจะอู้ฟู้กันขนาดไหน เรียกว่าเงินเหลือเฟือ ยิงโฆษณาผ่าน Free TV ยังได้เลยมั้ง ธุรกิจอื่นช่วงโควิดก็น่าจะย่ำแย่ไม่แพ้กัน เว้นคริปโต
ซื้อขายไม่เป็นธรรม ปั่นอินไซด์ ตอนนั้นยังไม่มี KUB coin เค้าคงไม่ได้พูดถึงพวกเหรียญ Top10 ใช่ไหม ถ้าตลาดคริปโตคือ บ่อนพนัน ตลาดหลักทรัพย์ ก็คือ บ่อนพนันที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองก็เป็น

ตอน 4

ในช่วงต้น ๆ ก็ไม่มีอะไร เน้นการพูดถึงพาร์ทเนอร์และแบรนด์ต่าง ๆ ที่มาเข้าร่วม ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ ถ้า Chain มันใช้งานได้จริง
ตอนนี้อ่านแล้วไม่ค่อยมีอะไรมาก พูดแค่ลัทธิ Bitkub

ตอน 5

เปรียบเทียบ Bitkub กับ Binance จริงแล้วไม่สามารถนำเปรียบเทียบกันได้ เพราะไบแนนซ์ไม่ได้ต้องเจอ กลต ไทย , ไม่ได้ต้องซื้อใบอนุญาตประกอบกิจการ , ไม่ต้องเสียภาษีให้ไทยแค่เอามาเปรียบเทียบนี้ก็ผิดละ
ตอนนั้น 30 บาทไป 90 บาท จากข่าว SCBX จะเข้าซื้อนะ แล้วถัดจากนั้นโตจาก 90 บาทไป 500 บาท ก็มาจากการใช้งานภายในเชน แล้วก็ร่วง 50% ตามระเบียบเหมือนเหรียญอื่นๆ
พอพูดถึงฟิวเจอร์ ก็ไปบอก กลต ไทยให้มีซิ จะได้มีความทัดเทียมกับไบแนนซ์ได้ กำไร Exchange จะเพิ่มขึ้นอีกเยอะ
จริง ๆ แล้วเรื่องการ Exit ในตัวบุคคลแล้วให้พวกองค์กรมาถือแทน ก็เป็นผลดีกับรูปแบบบริษัทกว่าไม่ใช่หรือ ไม่เข้าใจว่าจะใช้ประเด็นมาโจมตีทำไม

ตอน 5 (พิเศษ)

ผ่าแผนอำมหิต ชักชวนคนรุ่นใหม่ การให้คนรุ่นใหม่เข้าใจโลกคริปโตก็ดีอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ว่าไปให้เด็กประถม ต้องมาเข้าใจก็ได้ ซึ่งเค้าก็เน้นไปที่นักศึกษาที่กำลังจบ และ เข้าสู่โลกการทำงาน ทำไมต้องให้เค้าเรียนรู้ เนื่องมาจากว่าหลายๆครอบครัวมีค่านิยมที่จะไม่สอนลูก เรื่องเงิน และมองว่าเป็นสิ่งที่สกปรก ทำให้เด็กบางคนขาดความรู้เรื่องการลงทุนไปอย่างมาก การที่ให้เค้าค่อย ๆ เรียนรู้ และเจ็บจากการเรียนรู้ก็เป็นสิ่งที่ดีแล้ว ในโลกถัดจากนี้ Blockchain จะค่อย ๆ เข้ามากลืนกินในชีวิตมากขึ้นเรื่อย ๆ เรามีสองทาง คือ ต่อต้านมัน หรือ ยอมรับและเข้าหามัน ผมคิดว่าถัดจากนี้หลาย ๆ แบรนด์ระดับโลกก็เริ่มจะค่อย ๆ ยอมรับและเข้าหามันมากขึ้นละ

จนถึงปัจจุบันทาง Bitkub ยังไม่ได้มีการออกแถลงการณ์ใด ๆ ถึงประเด็นดราม่าดังกล่าว ซึ่งเราก็คงติดตามกันต่อไปว่า เรื่องราวนี้จะจบลงอย่างไร

คำเตือน :  บทความนี้เป็นเพียงการนำเสนอข่าวและข้อเท็จจริงเท่านั้น  ทางสยามบล็อกเชนไม่ได้เจตนากล่าวว่าร้ายหรือโจมตีผู้ที่เกี่ยวข้องใด ๆ ในบทความนี้  ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน