การล่มสลายของเหรียญ Stablecoin TerraUSD (UST) ของ Terraform Labs และโทเค็นดั้งเดิม (LUNA) ถูกมองว่าเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่สำหรับภาคส่วนคริปโตตามความเห็นของนักวิเคราะห์
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ก่อตั้ง Cardano (ADA) Charles Hoskinson ผลกระทบดังกล่าวเป็นการยืนยันถึงกลยุทธ์แบบค่อยเป็นค่อยไปในการที่จะสร้างบล็อกเชน
“หากคุณโตเร็วเกินไป ก็เหมือนอย่างที่เราเห็นในสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Luna และเราได้เห็นการแฮ็กมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว คุณไม่สามารถเปิดใช้งานได้ จนกว่าจะเห็นว่ามันจะทำงานได้จริง เพราะเมื่อการล่มสลายเกิดขึ้นมานักลงทุนทุกคนจะต้องเสียเงินกับความผิดพลาดเหล่านั้น” ผู้ก่อตั้ง ADA กล่าวและยังให้สัมภาษณ์อีกด้วยว่า ระบบนิเวศของ Cardano กำลังเติบโตอย่างช้า ๆ อาจเป็นปีหรือสิบปีแทนที่จะเป็นสัปดาห์หรือเดือน
นอกจากนี้ Hoskinson ยอมรับว่า กระบวนการพัฒนาในเชน Cardano “มีความล่าช้ากว่าเล็กน้อย” เมื่อเทียบกับวิธีการพัฒนาของโปรเจกต์อื่นๆ
ในความเป็นจริง Cardano ไม่ได้รับความสามารถในการสร้างสัญญา Smart Contact จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว คิดเป็น 4ปีเต็ม ๆ เครือข่ายถึงจะใช้งานได้
และหลังจากการอัปเกรด Hardfork Alonzo ครั้งใหญ่ในเดือนกันยายน 2021 ระบบนิเวศบล็อคเชนของ Cardano ก็เติบโตขึ้นอย่างมากในแง่ของการอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ ๆ
บล็อคเชน Proof-of-Stake (PoS) ที่ใหญ่ที่สุดได้เพิ่มสัญญา Smart Contact มากกว่า 2,000 สัญญานับตั้งแต่วันนั้นและปัจจุบันอยู่ที่ 2,756 สัญญา ตามข้อมูลจากข้อมูลเชิงลึกจากบล็อคเชนของ Cardano
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง UST ซึ่งเป็นอัลกอริธึมเหรียญ stablecoin ที่ควรตรคงมูลค่าเงินดอลลาร์ไว้โดยไม่ต้องใช้หลักประกันใดๆ ได้ล้มละลายในเดือนนี้ ทำให้เกิดส่งกระทบรุนแรงไปทั่วตลาดคริปโต
Hoskinson กล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงอันตรายของการทำงาน
“พื้นที่ที่มีสิ่งจูงใจด้านการเงิน มักจะกำหนดโครงสร้างตลาดที่มีลักษณะเติบโตอย่างรวดเร็วแทนที่จะโฟกัสไปในเรื่องของคุณภาพ
ตามที่ CEO ของ IOG กล่าว คริปโตจะสามารถยั่งยืนอยู่ได้ในระยะยาว ในที่สุดตลาดจะตื่นขึ้นและตระหนักว่าการลงทุนโดยเน้นเก็งกำไรในระยะสั้นจะ “มีลดน้อยลงเรื่อยๆ”
อย่างไรก็ตามราคาของ Cardano ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 30% ในหนึ่งวันกลายเป็นเหรียญที่ให้ผลกำไรมากที่สุดเป็นอันดับ 2 จากเหรียญคริปโต 100 อันดับแรกในตลาด