<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

หนุ่มพันทิปแชร์ แนวทางลงทุน เริ่มต้นจากเงิน 2 แสน กลายเป็น 20 ล้าน ในเวลาไม่ถึง 10 ปี

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในปัจจุบันผู้คนต่างให้ความสนใจในด้านการลงทุนมากขึ้นด้วยสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปทำให้คนต้องหารายได้เสริม หนีจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน เช่นเดียวกับหนุ่มพันทิปรายหนึ่ง ที่สามารถเริ่มต้นจากเงินเพียง 2 แสนบาท จนมีเงินหลักสิบล้านในเวลาไม่ถึง 10 ปี กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่หลายคน 

เรื่องราวนี้มาจากกระทู้ “แชร์แนวทางการลงทุน จากเงินเริ่มต้น 2 แสน เป็น 20 ล้าน ในเวลาไม่ถึง 10 ปี” ของสมาชิกพันทิป Chrizano ที่ถูกโพสต์เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2559 โดยทางผู้เขียนได้สรุปเรื่องราวทั้งหมด แบ่งออกเป็น 7 ตอนดังต่อไปนี้

ก้าวแรกในโลกการลงทุน

เจ้าของโพสต์นั้นมีโอกาสได้ถือหุ้นครั้งแรกจากพอร์ตหุ้นของคุณพ่อที่ได้รับการส่งต่อมาเนื่องจากคุณพ่อได้ล้มป่วยเมื่อประมาณ 7-8 ปีก่อน (ช่วงปี 2551) ด้วยความที่เจ้าของโพสต์ไม่มีความรู้ในเรื่องหุ้น จึงทำการขายหุ้นทิ้งทั้งหมดนำเงินคืนกงสี แต่ก็ได้เริ่มเกิดความสงสัยขึ้น เพราะหลังจากที่ขายหุ้น หุ้นบางตัวทำราคาตกไปอย่างมาก บางตัวก็พุ่งขึ้นสูง เกิดเป็นความอยากรู้ในเรื่องของการลงทุน จนเวลาผ่านพ้นมาในช่วงปี 2009-2010 เขาก็ได้ลองซื้อหุ้น CPF ตามคำแนะนำของน้องสาวที่ให้ข่าวว่าหุ้นจะขึ้น ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง จาก 9-10 บาทขึ้นมาถึง 22 บาทภายในเวลาปีเดียว แต่เขาก็ยังถือต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีเป้าหมาย จะกระทั่งเกิดเหตุการณ์ซึนามิที่ญี่ปุ่น โบรกเกอร์ของเขาได้รีบโทรมาให้รีบเทขาย ซึ่งเขาก็เชื่อทำให้เขาขายขาดทุนกำไรหลายบาท เกิดเป็นความตั้งใจที่จะรู้เรื่องหุ้นด้วยตนเอง ไม่อยากพึ่งพาโบรกเกอร์

หุ้นเปลี่ยนชีวิต

หลังจากทำการขายหมูเสียรู้โบรกเกอร์ไปแล้วนั้น เจ้าของโพสต์จึงเริ่มซื้อหนังสือมาศึกษาด้วยตนเอง โดยเริ่มจากการอ่านกระทู้พันทิป การอ่านหนังสือ “ตีแตก” ของ ดร.นิเวศน์ และใช้วิธีลอกตามเซียน ใช้เงินเก็บก้อนแรก ๆ ไปลงกับหุ้น jmart แถวราคา 3 บาท จากนั้นเปิดดูหุ้นทุกวัน  วันไหนหุ้นตกหนักๆ ก็พยายามอ่านหนังสือ ทำความเข้าใจ พอปรับ mindset ตัวเองได้ความกังวลก็น้อยลง ถึงขนาดที่ทำตาม ดร นิเวศน์ บอกเลย บางครั้งก็เดินไปดูกิจการว่ายังขายดีอยู่ไหม ปรากฏว่า ช่วงปีนั้น jmart ทำกำไรและเติบโตได้ดีมาก หุ้นขึ้นไปจากวันที่ผมซื้อถึง 700-800% บอกตามตรงว่าในใจอยากจะขายตั้งแต่กำไร 100% ละ โชคดีที่อ่านหนังสือมา คือ ตราบเท่าที่กำไรมันยังโตดีอยู่ผมบอกกับตัวเองให้ถือทนรวยต่อไป สุดท้ายก็ทำการขายออกหลังกำไรของ jmart ลดลงเนื่องจาก ผู้ให้บริการเครือข่ายลงมาขายโทรศัพท์มือถือด้วยตนเอง ซึ่งผู้โพสต์ยอมรับว่าไม่ได้ขายตอนราคาแพงที่สุด เพราะเป็นคนขายช้า ค่อย ๆ ทยอยขาย

หุ้นเปลี่ยนชีวิต (2)

เจ้าของโพสต์ไม่ได้ทำการลงทุนในหุ้นแบบที่ละตัวแต่ซื้อหุ้นไว้หลายตัวเพื่อกระจายความเสี่ยง ซึ่งตัวของเขานั้นมักซื้อหุ้นแบบครั้งเดียวไม่ต่อเนื่อง นาน ๆ ถึงจะซื้อเพิ่มเติม โดยหุ้นตัวที่สองที่เปลี่ยนชีวิตเขาคือหุ้น CPN ซื้อในช่วงที่มีการประท้วง โดยไม่ได้ซื้อในช่วงต่ำสุดแต่ซื้อในช่วงที่หุ้นกำลังฟื้นตัว เพราะไม่อยากเสี่ยงซื้อหุ้นที่อาจไม่มีทางฟื้นกลับมา โดยสุดท้ายหุ้นตัวนี้วิ่งขึ้นไปถึง 80+ บาท แตก par ทำให้ค่าเฉลี่ยต่อหุ้นอยู่ที่แถว 15 บาท และปัจจุบันเขาก็ยังถือหุ้นตัวนี้อยู่

ขาดทุนในวันนี้ส่งผลดีในวันนี้

เขาเล่าว่ามีครั้งหนึ่งที่ลงทุนพลาดเสียเงินไปเป็นแสนจากหุ้น IT CITY ร้านขายคอมพิวเตอร์ที่มีมูลค่าลดลงหลังคนหันไปใช้โทรศัพท์มากกว่าคอมพิวเตอร์ โดยเขาได้ลองไปดูสถานการณ์จริงที่หน้าร้านเลยว่าเป็นอย่างไร และได้คำตอบที่ไม่ประทับใจกลับมาจากพนักงาน จึงทำการเทขายหุ้นขาดทุนแสนกว่าบาท และนึกถึงคำพูดของเจ้าพ่อแห่งการลงทุนอย่าง Warren Buffet ที่เลือกจะไม่ลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีเพราะเขาตามไม่ทันและไม่เข้าใจ และเจ้าของโพสต์ได้ยังกล่าวถึงคำพูดจากนักลงทุนอีกท่านหนึ่งที่ว่าโลกนี้ไม่มี high risk high return มีแต่ high understanding high return ไม่ใช่ยิ่งเสี่ยงยิ่งได้มากแต่เป็นมีความเข้าใจที่มากยิ่งจะมีแต่ได้

ผู้นำดีหุ้นดี

หุ้น KTC เป็นหุ้นเพียงตัวเดียวที่ผู้โพสต์ทำการขายและกลับไปซื้อใหม่ในราคาที่แพงกว่าเดิมถึง 300% โดยเรื่องมีอยู่ว่าตัวเขาดอยหุ้น KTC มาระยะหนึ่ง พอมีการเปลี่ยนผู้บริหาร ราคาขยับขึ้นมาหน่อยเขาได้เทขายหนีตาย โดยหารู้ไม่ว่าผู้บริหารคนใหม่นั้นมีความสามารถมาก ๆ ซึ่งทำให้ราคาพุ่งสูงหลายเท่า จากที่เขาเคยมีหุ้นราคา 14 บาท จบปีนั้นหุ้นของเขามีมูลค่าอยู่ที่ 97 บาท แสดงให้เห็นว่าบุคคลากรฝีมือดีในองค์กรก็มีผลอย่างมากต่อการพิจารณาในการซื้อหุ้น

เมื่อศิษย์พร้อมอาจารย์จะปรากฏ

เจ้าของโพสต์ได้แชร์ทฤษฎีที่น่าสนใจให้ฟังคือ กฏแรงดึงดูด และ  กฏค่าเฉลี่ยของคนที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุด 5 คน หมายความว่าเวลาเราสนใจเรื่องอะไร ยิ่งจะมีโอกาสพบเจอคนที่้เหมือนกับเรา และยิ่งคนใกล้ตัวเราเป็นคนเก่งเรายิ่งเติบโตได้เร็ว โดยกฏนี้ได้ทำให้เขาได้พบเจอบทความของนักลงทุนท่านหนึ่งทำให้เขาเติบโตขึ้นไปอีกขั้นเรียนรู้การ DCA มองภาพใหญ่ให้เป็น ใช้พลังของดอกเบี้ยทบต้น ช้าในช่วงแรกเร็วในช่วงหลัง และต้องพร้อมเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่เสมอ เพราะบทความบทเดียวอาจเปลี่ยนชีวิตคุณได้

ตัดสินใจว่าจะเป็นคนเก่ง

“Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.”

    ― Mahatma Gandhi

นี่เป็นคำพูดของ มหาตมา คานธี ที่เขาได้หยิบยกขึ้นมาเป็นคติในการดำเนินชีวิต เขาจึงตัดสินใจที่จะเรียนรู้และต้องการเป็นคนเก่งที่ประสบความสำเร็จ คนเราต้องมีเป้าหมาย และเป้าหมายนั้นต้องชัดเจน มีวิธีการไม่ใช่แค่ฝัน ถ้าตั้งเป้าไว้ 10 ปีต้องมีเงินเท่านี้เราต้องมีเงินเก็บเท่าไรในแต่ละปี มีผลตอบแทนเท่าไร พลาดตรงไหน ทุกการกระทำต้องจดบันทึก และเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ 

จากการแนะนำเรื่องต่าง ๆ ของเจ้าของโพสต์สามารถสรุปได้ว่าการจะเทรดให้ถึงระดับเดียวกับเขานั้นต้องอาศัยระยะเวลา การหาความรู้ เงินทุน และ ความตั้งใจ จะขาดสิ่งใดไปไม่ได้ หากไม่มีเงินทุนก็ต้องพยายามเก็บออมหางานพิเศษเพิ่มเติม หากไม่มีความรู้ก็ต้องขวนขวายติดตามดูได้จากทั้งหนังสือ หรือ อินเทอร์เน็ต และถ้าไม่มีเวลาก็ไม่ต้องกังวลเพราะหากคุณสนใจมันอย่างแท้จริงคุณจะมีเวลาให้กับมันเอง 

ซึ่งเพื่อน ๆ ที่อ่านสามารถนำเทคนิคเหล่านี้มาประยุกต์ใช้กับคริปโตเคอร์เรนซีได้ด้วยจะเห็นได้ว่าแทบไม่มีความแตกต่างกันเลย ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการทนรวยถือสินทรัพย์ในระยะยาว การ DCA เหรียญคริปโต การดูทีมงานเบื้องหลังเหรียญต่าง ๆ หรือจะเป็น การที่เราต้องเข้าใจโปรเจกต์เหรียญต่าง ๆ ให้ถ่องแท้ก่อนเริ่มซื้อเหรียญมาเก็บไว้ ตั้งเป้าหมายการลงทุนให้ชัดเจน ไม่แน่ว่าสักวันเราอาจจะไปถึงจุดที่เจ้าของโพสต์อยู่ก็เป็นได้

ที่มา :   Pantip