K33 บริษัทวิจัยตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก คาดการณ์ว่าการอนุมัติ Bitcoin Spot ETF จะเกิดขึ้นในวันที่ 10 มกราคม 2567 โดยเห็นได้จากการอัพเดตครั้งช่วงหลัง ๆ ที่ได้ช่วยเพิ่มความเป็นไปได้ในการอนุมัติให้สูงขึ้น
ตามรายงานเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม หัวหน้าฝ่ายการวิจัย และ นักวิเคราะห์อาวุโส Anders Helseth กล่าวว่า ในการอัพเดตช่วงล่าสุดทั้ง BlackRock และ ARK Invest ได้ตกลงที่ในการทำ cash-creation สำหรับกองทุนของพวกเขา ซึ่งตัวโมเดล cash-creation นั้นหมายถึงการที่กองทุนจะทำการถือเงินสดเทียบเท่ามูลค่า Bitcoin ภายในกองทุนแทนที่จะถือ BTC โดยตรง ทำให้จัดการกองทุนง่ายขึ้น และเป็นที่ยอมรับโดยหน่วยงานกับกำดูแล หมายความว่าการอนุมัตินั้นจะเกิดขึ้นในเดือนหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย
นอกจากนี้ในรายงานยังได้ชี้ให้เห็นถึงราคาของ Bitcoin ที่พุ่งขึ้นสูงตลอดช่วงหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา และนักวิเคราะห์ก็ได้เห็นพ้องกันว่า ปริมาณวอลุ่มของการเทรด BTC นั้นสูงขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้าอย่างมาก โดยมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามามากขึ้นขณะเดียวกันนักลงทุนหน้าเก่าก็ได้ทยอยขายเหรียญเพิ่มแรงจูงใจในการทำกำไร ทำให้วอลุ่มการเทรดสูงขึ้น
แม้ว่าปริมาณการซื้อขายสปอตของ Bitcoin จะคึกคัก แต่จำนวนสัญญาที่เปิดอยู่ (open interest) ในสัญญา perpetual futures ซึ่งเป็นเครื่องมือที่นิยมใช้สำหรับการเก็งกำไรในตลาดคริปโตฟิวเจอรส์ กลับลดลงสู่จุดต่ำสุดของปี แสดงว่าสัญญาณ “ฟองสบู่” ของนักลงทุนรายย่อย
ขณะเดียวกันเหล่านักลงทุนจากตลาด Chicago Mercantile Exchange (CME) ก็ได้ส่งสัญญาณถึงการต้องการ “ความเสี่ยง” ในตลาดฟิวเจอรส์มากขึ้น ตรงกันข้ามกับการคาดการณ์เรื่องความซบเซาของนักลงทุนรายย่อย โดยหลักฐานคือ open interest ของ Bitcoin บน CME เพิ่มขึ้น 3,100 BTC ภายในสัปดาห์ล่าสุด ซึ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนสถาบันกำลังเปิดสัญญาใหม่ (long หรือ short) ในตลาด Bitcoin จำนวนมาก
อย่างไรก็ตามหลังจาก Bitcoin Spot ETF ได้รับการอนุมัติ เหล่านักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญ กับสัญญา Bitcoin Future ETF คงค้างบน CME
ยิ่งไปกว่านั้น นักเทรดขาประจำที่ได้อยู่ในตำแหน่ง long positions น่าจะได้กำไรกันไปแล้ว ซึ่งสิ่งนี้อาจจะเป็นการ setup เพื่อปรับลดส่วนแบ่งของตลาด CME ในอนาคต
ภายในรายงานยังได้มีกล่าวถึงเหรียญ Altcoin ตัวอื่น ๆ เช่น Solana (SOL), Ordinals (ORDI) และ Bonk (BONK) ที่มีราคาสูงขึ้น 22%, 114% และ 338% ตามลำดับใน 20 วันที่ผ่านมา ซึ่งนั่นอาจส่งผลดีต่อ Bitcoin เช่นกัน
นักวิเคราะห์หลายคนเรียกสภาวะตลาดแบบนี้ว่าเป็น manic market เป็นสัญญาณที่ว่าตลาดกำลังไต่ขึ้นสู่จุดสูงสุด และกล่าวว่า การที่เหล่า Altcoin ต่างกลับขึ้นมานิยมนั้นยิ่งเป็นผลดีต่อ Bitcoin ที่จะได้ไม่ต้องเจอกับ liquidation เหมือนกับเป็นวาล์วแรงดันบวกให้กับผู้ชอบความตื่นเต้น และทำให้สถานะ leverage Bitcoin นั้นดีขึ้น
ที่มา : Cointelegraph