ในวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา เว็บเทรดคริปโต Bitfinex ได้ประกาศว่าพวกเขาได้ลิสต์เหรียญ ERC-20 เพิ่ม 12 เหรียญ ได้แก่
- Aion (AION)
- Iostoken (IOST)
- Request Network (REQ)
- Raiden Network (RDN)
- Loopring (LRC)
- Bnktothefuture Token (BFT)
- Cofound.it (CFI)
- Wax (Wax)
- Singularitynet (AGI)
- Medicalkchain (MTN)
- Odem (ODEM)
- Dai (DAI)
ซึ่งเหรียญดังกล่าวได้สามารถเทรดได้ด้วย BTC, ETH และ USD ในวันดังกล่าวเวลา 5 ทุ่มเวลาไทย
ควรจับตามอง Dai และ Bnktothefuture
เหรียญ Dai คือ Stablecoin ที่ Decentralized และทำงานอยู่บนแพลตฟอร์มของ Ethereum
การที่ Bitfinex ได้ลิสต์เหรียญนี้นั้นมีความสำคัญอย่างมากเนื่องจาก มันจะคู่แข่งสำหรับ BTC, ETH และ USD หรือ Tether ดังนั้นเหรียญ DAI มีศักยภาพที่จะแทนที่ Tether ได้ และ Bitfinex เองก็กำลังพิจารณาที่จะเพิ่มคู่เทรดเหรียญ DAI อีกด้วย
ในขณะเดียวกันการลิสต์เหรียญ BFT นั้นก็น่าจับตามองไม่แพ้กัน เนื่องจาก Bnktothefuture (แพลตฟอร์มการลงทุนออนไลน์เกี่ยวกับ นวัตกรรมด้านการเงิน)นั้นดูเหมือนจะถือหุ้นของ Bitfinex อยู่ส่วนนึง
นาย Jean-Louis van der Velde หรือ CEO ของ Bitfinex กล่าวว่า:
“การเลือกโทเค็นจำนวนมาก เหล่านี้เข้ามาในเว็บของเราแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของโปรเจ็คปรเภท Blockchain ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของ Bitfinex ที่เติบโตไปตามวงการคริปโต แต่ละโทเค็นแสดงให้เห็นถึงแง่มุมต่าง ๆ ที่โปรเจ็คเกี่ยวกับ Blockchain มีศักยภาพที่จะทำได้ และเราจะคอยพัฒนาเว็บเทรด และ เพิ่มทางเลือกในการเทรดใหม่ ๆ ให้กับนักเทรดอย่างต่อเนื่องเช่นกัน”
นาย Velde เพิ่มเติมว่า “พวกเรายินดีอย่างมากที่จะปรับเปลี่ยนตัวเราเองให้เป็นไปอย่างที่ผู้ใช้ต้องการ หรือคาดหวังไว้ ในอนาคต เราจะขยายบริการของเราให้ครอบคลุมตวามต้องการของลูกค้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะเป็นเว็บเทรด ที่สามารถสนับสนุนวงการทรัพย์สินดิจิตอลได้”
ในความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนนั้น คิดว่าทิศทางดังกล่าวของ Bitfinex นับว่าเป็นเรื่องที่ดี โดยเฉพาะการลิสต์เหรียญ DAI เพราะว่า ในปัจจุบัน Tether ดูจะเป็น Stablecoin ที่ผูกขาดตลาดคริปโตไว้เกือบทั้งหมด และในช่วงที่ผ่านมา มีข่าวที่ไม่ชอบมาพากล และข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับมันซึ่งไม่เป็นที่ไว้วางใจสำหรับหลาย ๆ คน ถ้าเกิดเหรียญ DAI สามารถมาแบ่งแย่งการผูกขาด Tether ได้ คงจะทำให้นักลงทุนมีความไว้วางใจมากขึ้นได้ ซึ่งส่งผลดีต่อวงการคริปโตอย่างแน่นอน
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น