<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

‘วิปโยค 5 สิงหาฯ’ จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์: ความผันผวนครั้งใหญ่ในตลาดการเงินโลก

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อวานนี้ (วันที่ 5 สิงหาคม) เป็นวันที่โลกการเงินต้องจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ เมื่อตลาดการเงินทั่วโลกประสบกับความผันผวนที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดัชนีตลาดหุ้นต่างๆ ร่วงลงอย่างรุนแรง รวมถึงตลาดคริปโตเคอร์เรนซีที่สูญเสียมูลค่าอย่างมหาศาล นักลงทุนทั่วโลกตื่นตระหนกและหาทางปรับกลยุทธ์การลงทุนเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ นี่คือภาพรวมของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเมื่อวานที่ผ่านมา

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงหนักที่สุดในโลก หนักสุดเท่าที่เคยเจอมา

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นในวันนี้มีการร่วงลงอย่างรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์การเงินของประเทศ โดยมีดัชนี Nikkei 225 ร่วงลง 4,451.28 จุดหรือประมาณ -12.4% มาปิดตลาดที่ 31,458.42 จุด โดยถือเป็นการร่วงแรงที่สุดในประวัติศาสตร์หุ้นญี่ปุ่น ในช่วงการซื้อขายเพียงวันเดียว 

สาเหตุหลักมาจากปัจจัยต่างๆ ที่กระทบต่อเศรษฐกิจโลก เช่น ความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างประเทศ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อสูง

นักลงทุนต่างพากันขายหุ้นเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกติดลบอย่างรุนแรง การร่วงลงของตลาดหุ้นญี่ปุ่นนี้ไม่ได้ส่งผลเพียงแค่ภายในประเทศ แต่ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างกว้างขวาง เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก

หุ้น “7 นางฟ้า” สูญเสียมูลค่าตลาด “23 ล้านล้านบาท” ภายในวันเดียว

กลุ่มหุ้น “7 นางฟ้า” ซึ่งประกอบด้วยหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำของโลก เช่น Apple, Amazon, Google, Microsoft, Facebook, Tesla และ Nvidia ได้สูญเสียมูลค่าตลาดรวมกว่า 6.53 แสนล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 23 ล้านล้านบาท ภายในวันเดียว สาเหตุหลักมาจากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อ

ตลาดคริปโต มูลค่าสูญหายไป “5.4 ล้านล้านบาท” ภายใน 24 ชั่วโมง

ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีได้ประสบกับการร่วงลงอย่างหนักภายใน 24 ชั่วโมง มูลค่าตลาดรวมของคริปโตเคอร์เรนซีสูญเสียไปถึง 1.52 แสนล้านดอลลาร์ หรือตีเป็นเงินไทยประมาณ 5.4 ล้านล้านบาท 

การที่มูลค่าตลาดคริปโตเคอร์เรนซีลดลงอย่างรุนแรงทำให้เกิดความตื่นตระหนกในกลุ่มนักลงทุนและทำให้มีการขายออกจำนวนมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาของคริปโตเคอร์เรนซีในตลาดทั่วโลก

ตลาดเปลี่ยนใจให้โอกาส 60% ที่ FED จะลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดการเงินทั่วโลก เหล่ากูรูนักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่ามีโอกาส 60% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน 0.25% เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจและลดความผันผวนในตลาดการเงิน

การลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินจะช่วยให้การกู้ยืมเงินมีต้นทุนที่ต่ำลง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการลงทุนและการใช้จ่ายของประชาชน อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจดังกล่าวต้องพิจารณาปัจจัยหลายประการ และความคาดหวังของตลาดในครั้งนี้สะท้อนถึงความต้องการที่สูงในการประคับประคองเศรษฐกิจให้กลับสู่ภาวะปกติ

กูรูเรียกร้องให้เฟด ปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินลง 0.75% 

ศาสตราจารย์เจเรมี ซีเกล จาก Wharton School มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ได้เรียกร้องให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินลง 0.75% เนื่องจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และอัตราการว่างงานที่สูงสุดในรอบเกือบสามปี

ศาสตราจารย์ซีเกลยังเสนอแนะอีกว่า เฟดควรพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกอย่างน้อย 0.75% ในการประชุมเดือนกันยายน โดยเขากล่าวว่า “การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนี้เป็นสิ่งที่เฟดควรดำเนินการอย่างน้อยที่สุด โดยอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นควรอยู่ในช่วง 3.5-4.00%”

เกาหลีใต้ต้องสั่งระงับคำสั่ง Short หุ้นทั้งหมดในตลาด ไปจนถึง Q1 ปี 2025

ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ต้องเผชิญกับการร่วงลงอย่างหนัก ส่งผลให้รัฐบาลต้องสั่งระงับคำสั่ง Short หุ้นทั้งหมดในตลาด เพื่อป้องกันการร่วงลงอย่างรุนแรงต่อไป การตัดสินใจดังกล่าวถือเป็นมาตรการฉุกเฉินที่รัฐบาลต้องดำเนินการเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาด

เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและเป็นตัวบ่งชี้ถึงความรุนแรงของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในขณะนี้ การระงับคำสั่งขายในตลาดหุ้นอาจช่วยให้ตลาดมีเวลาฟื้นตัวและนักลงทุนมีโอกาสในการปรับตัวต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

“ตลาดหุ้นไทย” ทำ New Low ใหม่ SET ต่ำสุดในรอบ 4 ปี หลุด 1300 จุด

ตลาดหุ้นไทยประสบกับการร่วงลงอย่างหนัก โดยดัชนี SET ได้ทำ New Low ใหม่ต่ำสุดในรอบ 4 ปี สาเหตุหลักมาจากการขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติที่กังวลเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจโลกและความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ

ที่มา: ไทยรัฐ

การที่ดัชนี SET ทำ New Low ใหม่นี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และทำให้ตลาดหุ้นไทยต้องเผชิญกับความท้าทายในการฟื้นตัว การร่วงลงของดัชนี SET ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง เนื่องจากตลาดหุ้นเป็นหนึ่งในตัวบ่งชี้สำคัญของสภาพเศรษฐกิจโดยรวม

สรุป

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ได้สะท้อนถึงความไม่แน่นอนและความผันผวนที่สูงในตลาดการเงินทั่วโลก นักลงทุนต้องปรับตัวและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้น ตลาดหุ้นและตลาดคริปโตเคอร์เรนซีได้แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ การติดตามข่าวสารและการวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจเป็นสิ่งสำคัญที่นักลงทุนควรทำเพื่อให้สามารถตัดสินใจในการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเช่นนี้