Arthur Hayes ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีต CEO ของ BitMEX ได้ออกมาแชร์ทฤษฎีว่าทำไมการลดอัตราดอกเบี้ยโดย Federal Reserve (Fed) ของสหรัฐฯ อาจไม่ส่งผลมากนักต่อราคา Bitcoin เหมือนที่หลายๆ คนคิด
โดยในโพสต์บน X เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา Hayes ซึ่งปัจจุบันเป็น Chief Investment Officer ของ Maelstrom ได้กล่าวว่าแม้ว่า Jerome Powell ประธาน Fed จะแทบยืนยันการลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนนี้ แต่ราคาของ Bitcoin กลับลดลงแทนที่จะเพิ่มขึ้น
ซึ่งหลังจากสุนทรพจน์ดังกล่าว ราคาของ BTC ขึ้นไปถึง 64,000 ดอลลาร์ ก่อนที่จะลดลง 10% เหลือ 57,400 ดอลลาร์ และฟื้นตัวเล็กน้อยมาอยู่ที่ 59,238 ดอลลาร์
Hayes ได้ให้เหตุผลว่าสาเหตุที่ราคา Bitcoin ถึงไม่เพิ่มขึ้นไว้ว่ามาจากข้อตกลงการซื้อคืน (Reverse Repurchase Agreements – RRPs) ซึ่งเป็นการขายหลักทรัพย์พร้อมกับข้อตกลงที่จะซื้อคืนในราคาที่สูงขึ้นในวันที่กำหนด
และในขณะนี้อัตราดอกเบี้ยที่จ่ายให้กับ RRPs สูงถึง 5.3% ซึ่งสูงกว่า Treasury Bills ที่จ่ายผลตอบแทนที่ 4.38% ทำให้กองทุนการเงินขนาดใหญ่ย้ายเงินออกจาก Treasury Bills และใส่ไว้ใน RRPs แทน ส่งผลให้เงินลงทุนที่พร้อมเสี่ยงลดลงและส่งผลกระทบกับตลาดสินทรัพย์เสี่ยง เช่น คริปโต โดยตรง
โดยบัญชี X ที่ใช่ชื่อ “ELI5 of TLDR” ได้อธิบายว่าโปรแกรม RRP ทำหน้าที่เสมือนกับ “ที่จอดรถข้ามคืน” สำหรับธนาคารใหญ่และผู้จัดการกองทุนในการเก็บเงินสดของพวกเขา ซึ่งการที่ RRP จ่ายดอกเบี้ยมากกว่าการลงทุนที่ปลอดภัยอื่นๆ ทำให้เงินทุนถูกกักเก็บอยู่ใน “ที่จอดรถ” แทนที่จะไหลเข้าสู่เศรษฐกิจ
และนับตั้งแต่ที่ Fed ประกาศความเป็นไปได้ในการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ก็ได้มีเงินอีก 120 พันล้านดอลลาร์ไหลเข้ามาในข้อตกลงการซื้อคืน ซึ่งทำให้แนวคิดที่ว่าการลดดอกเบี้ยจะเป็นผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยงเช่น Bitcoin กลับกลายเป็นตรงกันข้าม
อย่างไรก็ตาม บทความดังกล่าวเป็นเพียงแค่การเสนอข่าวเท่านั้น การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนอาจเสียเงินทั้งจำนวนได้ ดังนั้นผู้ลงทุนควรที่จะศึกษาและประเมินความเสี่ยงก่อนที่จะลงทุนในสินทรัพย์ใดๆ อยู่เสมอ
ที่มา: Cointelegraph