<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Mara Holdings เหมืองขุดยักษ์ใหญ่ ซื้อฟาร์มกังหันลมในเท็กซัส 240 MW  หนุนการขุด Bitcoin !

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

บริษัท Mara Holdings (เดิมชื่อ Marathon Digital) บริษัทขุด Bitcoin รายใหญ่ ได้ซื้อฟาร์มกังหันลมขนาดใหญ่ในเท็กซัส เพื่อช่วยสนับสนุนความทะเยอทะยานในด้านการขุด Bitcoin 

บริษัท Mara Holdings ที่จดทะเบียนในฟลอริดานี้ เป็นหนึ่งในบริษัทขุดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก และกำลังมองหาการขยายตัวอย่างรวดเร็วต่อไป แม้ว่าสภาพการขุด Bitcoin จะยากลำบากขึ้น หลังจากเหตุการณ์การ halving ในปี 2024 ซึ่งบริษัทได้ยื่นเรื่องเข้าซื้อกิจการนี้ กับคณะกรรมการกำกับดูแลพลังงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ

การรุกเข้าสู่พลังงานลมครั้งใหญ่ของ Mara Holdings 

บริษัทได้ประกาศการดำเนินการดังกล่าวเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ แต่ไม่ได้เปิดเผยจำนวนเงินที่ใช้ในการซื้อฟาร์มกังหันลมขนาดใหญ่แห่งนี้ ซึ่งฟาร์มกังหันลมตั้งอยู่ในเขต Hansford มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม 114 เมกะวัตต์ (MW) และมีศักยภาพในการเชื่อมต่อพลังงานสูงถึง 240 เมกะวัตต์ (MW)

บริษัทมีแนวโน้มที่จะใช้พลังงานนี้ เพื่อวัตถุประสงค์ในการทำเหมืองคริปโต หรือในตลาดคาร์บอนเครดิต ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

ก่อนหน้านี้โรงงานแห่งนี้เคยเป็นของ National Grid Plc และ Washington State Investment Board การเคลื่อนไหวครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับชุมชน Bitcoin เนื่องจากแสดงให้เห็นว่า การขุดคริปโตที่ใช้พลังงานสูง กำลังหันไปใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียน

นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีราคาแพงนี้แล้ว Mara Holdings ยังเป็นเจ้าของ Bitcoin จำนวน 34,959 BTC (ที่มีมูลค่าประมาณ 3.3 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่เป็นเจ้าของ Bitcoin มากที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทนี้เป็นบริษัทขุด Bitcoin ดังนั้นเงินลงทุนของบริษัทจึงเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ตามสภาพแวดล้อมโดยรวม

การเปลี่ยนแปลงของ Bitcoin ไปสู่พลังงานหมุนเวียน?

แม้ว่า 240 เมกะวัตต์(MW) จะถือเป็นปริมาณพลังงานที่มากพอสมควร เมื่อพิจารณาถึงการใช้งานในครัวเรือน แต่ก็ถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับการใช้พลังงานโดยรวมของเครือข่าย Bitcoin เมื่อใช้กำลังการผลิตเต็มที่  

ฟาร์มเท็กซัสที่ซื้อโดย Mara Holdings สามารถผลิตพลังงานได้ประมาณ 7 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี ในขณะที่พลังงานทั้งหมดที่เครือข่าย BTC ใช้โดยประมาณอยู่ที่ประมาณ 120,000-160,000 กิกะวัตต์ชั่วโมง หรือ 120-160 TWh

อย่างไรก็ตาม ถือเป็นก้าวสำคัญในทิศทางที่ถูกต้อง เนื่องจากผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจาก Bitcoin มักถูกกล่าวโทษว่า เป็นสาเหตุของวิกฤตสภาพอากาศ แม้ว่าจะมีการศึกษาหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า สกุลเงินดิจิทัลมีส่วนรับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซคาร์บอนน้อยกว่า 1% ของโลกก็ตาม และปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนก็ลดลงเรื่อยๆ เช่นกัน

ที่มา : zycrypto