<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นักลงทุนชื่อดัง Luke Gromen เผย! Bitcoin อาจเป็นกุญแจสำคัญ สู่การเป็นสินทรัพย์สำรองแห่งอนาคต

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นักวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคชื่อดัง Luke Gromen ได้ออกมาเปิดเผยความเชื่อของเขาว่า สหรัฐฯ อาจไม่มีทางเลือกนอกจากพิจารณายกระดับ Bitcoin (BTC) ให้เป็นสินทรัพย์สำรองที่เป็นกลาง (Neutral Reserve Asset)

โดยในการให้สัมภาษณ์ล่าสุด Gromen ได้ออกมาเผยว่าสหรัฐฯ กำลังเผชิญวิกฤตความมั่นคงแห่งชาติ หลังจากรัสเซียสามารถสร้างความได้เปรียบทางการทหารเหนือสหรัฐฯ และ NATO ในยูเครน

Gromen ชี้ว่าเหตุการณ์นี้ได้เปลี่ยนแปลง “กติกาเกม” ไปโดยสิ้นเชิง ส่งผลให้กระทรวงกลาโหมและหน่วยงานด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ อาจต้องละทิ้งระบบเงิน Fiat ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากระบบดอลลาร์ทำให้สหรัฐฯ สูญเสียความสามารถในการผลิตอุตสาหกรรมและอาวุธป้องกันประเทศ

เขากล่าวว่าสหรัฐฯ อาจใช้โอกาสนี้ในการฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมโดยการลดค่าเงินดอลลาร์ และใช้ Bitcoin เพื่อหนุนตลาดพันธบัตรรัฐบาล (Treasury Market)

“กติกาของเกมเปลี่ยนไปเพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเมืองแห่งชาติ ฟื้นฟูชนชั้นกลางและชนชั้นแรงงาน และสร้างฐานป้องกันประเทศขึ้นใหม่ ซึ่งทุกอย่างนี้ชี้ไปที่การใช้สินทรัพย์สำรองที่เป็นกลางอย่าง Bitcoin”

Gromen ยังได้อ้างถึงการเคลื่อนไหวของนักการเมืองและกระทรวงการคลัง เช่น การอภิปรายถึงการใช้ Stablecoins เพื่อหนุนพันธบัตรรัฐบาล และการที่อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร Paul Ryan เสนอว่า Stablecoins สามารถสร้างความต้องการสำหรับพันธบัตรเหล่านี้ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า Donald Trump เปรียบ Bitcoin ว่าเป็น “น้ำมันใหม่”

Gromen ชี้ว่า เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ของสหรัฐฯ ซึ่งอาจต้องการเพิ่มมูลค่าตลาดของ Bitcoin ให้เทียบเคียงกับที่น้ำมันเคยเพิ่มขึ้น 400% ในปี 1973 เพื่อหนุนดอลลาร์

“ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในปีนั้นช่วยทำให้น้ำมันใหญ่พอที่จะหนุนดอลลาร์และการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ”

การยกระดับ Bitcoin ให้เป็นสินทรัพย์สำรองที่เป็นกลาง จะช่วยให้สหรัฐฯ สามารถระดมทุนเพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมป้องกันประเทศโดยไม่ทำให้ประชาชนยากจนลง

“มันไม่ใช่แค่ Bitcoin ที่เพิ่มขึ้น แต่เป็นการใช้มันเพื่อสร้างสมดุลทางการเงิน ขณะที่เราต้องเผชิญเงินเฟ้อในกระบวนการสร้างฐานเศรษฐกิจใหม่ การเพิ่มมูลค่าของ Bitcoin จะช่วยชดเชยและรักษาความมั่นคงของประชาชนในระยะยาว”

Gromen สรุปว่าการเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นหนึ่งในแผนการใหญ่ของสหรัฐฯ ในการตอบสนองต่อความท้าทายทั้งทางเศรษฐกิจและความมั่นคงระดับโลก

ที่มา: DailyHODL