บทความดังกล่าวเป็นเพียงแค่การเสนอข่าวเท่านั้น การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนอาจเสียเงินทั้งจำนวนได้ ดังนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาและประเมินความเสี่ยงก่อนที่จะลงทุนในสินทรัพย์ใดๆ อยู่เสมอ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ราคา XRP ได้มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างมาก หลังราคาเพิ่มขึ้นกว่า 350% เมื่อเทียบกับ Bitcoin ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทว่าในตอนนี้กราฟ XRP/BTC ได้แสดงรูปแบบที่คล้ายคลึงกับตลาดกระทิงในปี 2017 ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงอีกครั้ง
อ้างอิงข้อมูลจาก TradingView เฉพาะในเดือนมกราคมนี้ราคา XRP/BTC ได้เพิ่มขึ้นเกือบ 32% ทะลุแนวต้านสำคัญและเข้าสู่เขต overbought ในขณะที่ดัชนี Relative Strength Index (RSI) ขึ้นสูงกว่า 70
สิ่งที่น่าสนใจคือเหตุการณ์ดังกล่าวเคยเกิดขึ้นในต้นปี 2017 ก่อนที่ XRP/BTC จะพุ่งขึ้นถึง 2,500% อย่างไรก็ตาม RSI ที่เข้าสู่โซนนี้อาจนำไปสู่การปรับฐานหรือพักตัว แต่ในกรณีที่มีปัจจัยพื้นฐานสนับสนุนอย่างแข็งแกร่ง ราคายังคงมีโอกาสพุ่งสูงขึ้นได้อีก
แม้จะแตกต่างจากปี 2017 แต่ปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่อาจผลักดันให้ราคาสูงขึ้นในปีนี้มีตั้งแต่ ความคืบหน้าในคดีความระหว่าง SEC และ Ripple ซึ่งอาจนำไปสู่การอนุมัติ XRP Exchange-Traded Funds (ETF) ในสหรัฐ
ในขณะที่นักวิเคราะห์จาก JPMorgan คาดว่าการเปิดตัว XRP ETF นี้อาจดึงเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดได้ถึง 4-8 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ Ripple ยังได้เปิดตัว RLUSD ซึ่งเป็น stablecoin เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในเครือข่าย XRPL สร้างการใช้งาน XRP ที่มากขึ้น
ทางด้านเทคนิค XRP/BTC ได้ทะลุแนวต้านของรูปแบบ symmetrical triangle ซึ่งคงอยู่มากว่า 8 ปี ทำให้เกิดแนวโน้มขาขึ้น โดยเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ระดับ Fibonacci retracement 0.236 หรือประมาณ 6,471 satoshi ซึ่งเทียบเท่าการปรับตัวเพิ่มขึ้น 100% จากระดับปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม หาก XRP ไม่สามารถทะลุแนวต้านสำคัญในช่วง 1,950-3,550 satoshi แนวโน้มขาขึ้นอาจไม่เกิดขึ้น การจับตาดูความเคลื่อนไหวของราคาและพัฒนาการทางปัจจัยพื้นฐานในไตรมาสแรกของปีนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุน
ที่มา: Cointelegraph