หลังจากพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีของ โดนัลด์ ทรัมป์ วงการคริปโตได้เข้าสู่กระแสการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดย CNBC รายงานว่าในเวลาเพียง 48 ชั่วโมง ครอบครัวของทรัมป์มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น “หลายพันล้านดอลลาร์” จากการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ดิจิทัลที่พวกเขาสนับสนุน
เปิดตัวเหรียญ $TRUMP: จุดเริ่มต้นของกระแส
ในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 ม.ค.) ในงาน Crypto Ball ที่จัดขึ้นอย่างหรูหราที่ Mellon Auditorium ใกล้ทำเนียบขาว ทรัมป์ได้สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัวเหรียญ $TRUMP ซึ่งเป็นมีมคอยน์ที่พัฒนาบนแพลตฟอร์ม Solana แม้จะไม่มีสินค้าหรือบริการใดรองรับ แต่เหรียญนี้กลับทำมูลค่าตลาดพุ่งทะยานถึง 14,000 ล้านดอลลาร์ ภายในเวลาอันรวดเร็ว
นอกจากนี้ทรัมป์ยังโพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียว่า “ถึงเวลาเฉลิมฉลองให้กับทุกสิ่งที่เรายึดมั่น : ชัยชนะ!”
เว็บไซต์ของเหรียญ $TRUMP ระบุว่า 80% ของเหรียญทั้งหมดถือโดย Trump Organization และบริษัทในเครือ ได้สร้างความมั่งคั่งมหาศาลภายในชั่วข้ามคืน
นอกจากนี้ ในงาน Crypto Ball ยังมีการพบปะระหว่างทรัมป์และผู้นำวงการคริปโต เช่น Brian Armstrong ซีอีโอของ Coinbase และ Jesse Powell ผู้ร่วมก่อตั้ง Kraken ซึ่งช่วยผลักดันให้นักลงทุนทั่วไปสามารถเข้าถึงเหรียญมีมตัวใหม่ของทรัมป์ได้อย่างง่ายดาย
การเปิดตัวเหรียญ $MELANIA
ไม่เพียงเท่านั้น ในวันอาทิตย์ (19 ม.ค.) ทรัมป์ยังเปิดตัวเหรียญมีมใหม่ชื่อ $MELANIA ซึ่งตั้งชื่อตามภรรยาของทรัมป์ โดยเหรียญนี้มีราคาเพิ่มขึ้นมากกว่า 40% และทำมูลค่าตลาดของเหรียญทะลุ 2,000 ล้านดอลลาร์ อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมูลค่าตลาดของเหรียญ $TRUMP และ $MELANIA ลดลงจากจุดสูงสุด หลังการเปิดตัวไม่นาน
World Liberty Financial: โปรเจกต์ DeFi ที่ทรัมป์สนับสนุนอยู่
อีกหนึ่งโปรเจกต์ที่มีบทบาทสำคัญคือ World Liberty Financial (WLFI) ซึ่งเป็นโปรเจกต์การเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ที่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวทรัมป์ โทเคนของโปรเจกต์นี้มีราคาพุ่งจาก $0.015 เป็น $0.050 พร้อมประกาศออกโทเคนเพิ่มอีก 5,000 ล้านโทเคน สำหรับการขายเหรียญ
นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนกันยายน โปรเจกต์นี้สามารถระดมทุนได้มากกว่า 300 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก Arkham Intelligence
เอกสารไวท์เปเปอร์ของ WLFI ระบุว่า 75% ของรายได้จากโทเคนจะส่งตรงไปยังครอบครัวทรัมป์ ข้อมูลบล็อกเชนยังแสดงให้เห็นว่ามีการโอนโทเคนมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ไปยัง Coinbase เพื่อจัดเก็บในบัญชีขององค์กร
เหตุการณ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความเปลี่ยนแปลงในวงการคริปโต แต่ยังเป็นการเน้นให้เห็นถึงอิทธิพลของทรัมป์ที่ได้สร้างความมั่งคั่งในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์
ที่มา: CNBC