<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Sam Altman ซีอีโอ OpenAI เผย! ปี 2025 จะเป็นยุคทองของ AI Agent พร้อมเปิดตัว “Operator” ให้โลกรู้จัก

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI เริ่มต้นปีนี้ด้วยการกล่าวในบล็อกโพสต์ว่า ปี 2025 จะเป็นปีที่ยิ่งใหญ่สำหรับ AI Agent ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สามารถทำงานอัตโนมัติและจัดการสิ่งต่าง ๆ แทนเราได้

เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ที่ผ่านมา OpenAI ประกาศว่า ได้เปิดตัวการทดสอบและวิจัยของ “Operator” ซึ่งเป็น AI agent อเนกประสงค์ที่สามารถควบคุมเว็บเบราว์เซอร์และดำเนินการหลายอย่างได้ด้วยตัวเอง 

Operator จะเริ่มต้นให้บริการแก่ผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาที่สมัครสมาชิก ChatGPT แผน Pro ราคา $200 ก่อน โดย OpenAI วางแผนที่จะขยายฟีเจอร์นี้ให้กับผู้ใช้งานในแผน Plus, Team และ Enterprise ในอนาคต

Sam Altman กล่าวระหว่างไลฟ์สดว่า “Operator จะพร้อมใช้งานในประเทศอื่นเร็ว ๆ นี้ แต่ในยุโรปอาจต้องรอสักพัก”

ผู้ใช้งานสามารถทดลองใช้งาน Operator ได้แล้ววันนี้ที่ operator.chatgpt.com และในอนาคต OpenAI มีแผนที่จะรวม Operator เข้ากับทุกแพลตฟอร์มของ ChatGPT เพื่อการใช้งานที่ครอบคลุมและสะดวกยิ่งขึ้น

ภาพ HOME SCREEN ของ OPERATOR ที่มา: OpenAI

Operator สัญญาว่าจะช่วยให้การทำงานต่างๆ ง่ายขึ้น เช่น การจองที่พัก, การจองร้านอาหาร, และการช้อปปิ้งออนไลน์ โดยผู้ใช้สามารถเลือกงานที่ต้องการจากหมวดหมู่ต่าง ๆ เช่น ช้อปปิ้ง, การจัดส่ง, การกินอาหาร, และการเดินทาง เพื่อให้ Operator ช่วยดำเนินการแทน

เมื่อเปิดใช้งาน Operator ผ่าน ChatGPT จะมีหน้าต่างเล็ก ๆ แสดงขึ้นมา ซึ่งเป็นเว็บเบราว์เซอร์เฉพาะที่ Operator ใช้ทำงาน พร้อมคำอธิบายว่ากำลังทำอะไรอยู่ในแต่ละขั้นตอน ผู้ใช้ยังสามารถควบคุมหน้าจอของตัวเองได้ตลอดเวลา เพราะ Operator ใช้เบราว์เซอร์ของตัวเองแยกต่างหาก

Operator ขับเคลื่อนด้วยระบบที่เรียกว่า Computer-Using Agent (CUA) ซึ่งรวมความสามารถของ GPT-4o ในการมองเห็นเข้ากับการคิดวิเคราะห์ขั้นสูง CUA ถูกออกแบบมาให้สามารถใช้งานหน้าเว็บได้เหมือนมนุษย์ โดยไม่ต้องพึ่งพา API ของนักพัฒนา เช่น คลิกปุ่ม, กดเมนู, หรือกรอกแบบฟอร์ม

นอกจากนี้ OpenAI ยังทำงานร่วมกับบริษัทใหญ่ ๆ เช่น DoorDash, eBay, Instacart, Priceline, StubHub และ Uber เพื่อให้มั่นใจว่า Operator จะปฏิบัติตามข้อตกลงการใช้งานของแต่ละบริษัทอย่างถูกต้อง

Operator ยังมีข้อจำกัดบางอย่างที่ควรรู้

  • มีการกำหนด “ขีดจำกัดการใช้งาน” ทั้งแบบรายวันและตามประเภทของงาน แม้ว่า Operator จะสามารถทำงานได้หลายอย่างพร้อมกัน แต่ OpenAI ระบุว่ามีข้อจำกัดแบบไดนามิก สำหรับการใช้งานในแต่ละวัน ซึ่งจะรีเซ็ตใหม่ทุกๆ วัน
  • ในระยะแรก Operator จะปฏิเสธงานบางอย่าง เพื่อความปลอดภัย เช่น การส่งอีเมลหรือการลบกิจกรรมในปฏิทิน (แม้ว่า CUA จะทำสิ่งเหล่านี้ได้ก็ตาม) OpenAI กล่าวว่าสิ่งนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต แต่ยังไม่ระบุช่วงเวลา
  • Operator อาจติดขัดหรือล้มเหลวเมื่อเจออินเทอร์เฟซที่ซับซ้อน เช่น ช่องกรอกรหัสผ่าน หรือการตรวจสอบ CAPTCHA หากเกิดเหตุการณ์เหล่สนี้ OpenAI ระบุว่า Operator จะขอให้ผู้ใช้งานเข้ามาควบคุมแทน

อนาคตของ AI Agent

OpenAI ใช้เวลานานกว่าคู่แข่ง เช่น Rabbit, Google และ Anthropic ในการพัฒนา AI Agent สาเหตุหนึ่งมาจาก ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ของเทคโนโลยีนี้

เมื่อ AI สามารถดำเนินการบนอินเทอร์เน็ตได้ด้วยตัวเอง อาจเปิดช่องให้เกิดการใช้งานในทางที่ผิด เช่น การทำฟิชชิง, การโจมตี DDoS, หรือแม้แต่การจองตั๋วคอนเสิร์ตล่วงหน้า ทำให้คนทั่วไปไม่มีโอกาสจอง OpenAI จึงต้องดำเนินมาตรการป้องกันการใช้ในทางที่ผิด โดยเฉพาะกับเครื่องมือที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากอย่าง ChatGPT

บริษัท OpenAI มั่นใจว่า Operator มีความปลอดภัยเพียงพอในปัจจุบัน โดยพวกเขาอธิบายว่า Operator  มีระบบป้องกันคำสั่งอันตราย คำสั่งซ่อนเร้น และฟิชชิง 

นอกจากนี้ยังมีระบบตรวจจับกิจกรรมที่น่าสงสัย และหยุดการทำงานทันที พร้อมการตรวจสอบจากระบบอัตโนมัติและจากทีมงานที่เป็นมนุษย์

Operator: ก้าวสำคัญของ OpenAI

Operator เป็น AI Agent ที่บริษัท OpenAI ตั้งใจพัฒนาขึ้นมาเพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดของผู้ช่วยเสมือนในอดีต เช่น Siri หรือ Alexa ก่อนหน้านี้ OpenAI ได้เปิดตัว “Tasks” ซึ่งช่วยเพิ่มฟีเจอร์พื้นฐานให้ ChatGPT เช่น การตั้งการแจ้งเตือนหรือการสั่งงานตามเวลาที่กำหนด

แต่ Operator ก้าวไปไกลกว่านั้น เพราะสามารถทำสิ่งที่ผู้ช่วยเสมือนยุคก่อนหน้านี้ไม่เคยทำได้ เช่น การดำเนินงานแทนผู้ใช้งานจริง ๆ

อย่างไรก็ตาม การเปิดตัว Operator ครั้งนี้จะช่วยให้เราได้เห็นว่า วิสัยทัศน์ของ AI Agent ที่ต้องการเปลี่ยนโลกจะกลายเป็นความจริงได้มากแค่ไหน ในอนาคตอันใกล้

  • ที่มาข่าว:techcrunch
  • ที่มาภาพ:cnbc