ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา Bybit หนึ่งในเว็บเทรดคริปโตที่มีขนาดใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลกได้ถูกกลุ่มมิจฉาชีพแฮ็กระบบ และขโมยคริปโตออกไปเป็นจำนวนกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ชื่อเสียงของ Bybit สั่นคลอนอย่างหนัก และสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อวงการคริปโตจนทำให้ตลาดกลับมาอยู่ในภาวะนองเลือดอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด Bybit ได้เริ่มตอบโต้การโจมตีครั้งนี้ด้วยการประกาศล่าค่าหัว โดยเสนอเงินรางวัลสูงสุดถึง 10% ของมูลค่าคริปโตที่ถูกขโมยไป หากแฮ็กเกอร์สายขาวสามารถทวงคืนสินทรัพย์ดิจิทัลจากกลุ่มแฮ็กเกอร์เกาหลีเหนือ “Lazarus Group” ได้สำเร็จ
นอกจากนี้ Bybit ยังได้เปิดตัวอินเทอร์เฟซโปรแกรมประยุกต์ (API) สำหรับกระเป๋าเงินที่ถูกขึ้นบัญชีดำ เพื่อช่วยให้เหล่าแฮ็กเกอร์สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปสนับสนุนภารกิจตามล่าเงินคืน

Ben Zhou ซีอีโอของ Bybit เอ่ยว่า เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่เห็นผู้คนรวมพลังเป็นปึกแผ่นเป็นสหายร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ ซึ่งถ้าวิกฤตนี้สามารถผ่านพ้นไปได้มันจะกลายเป็นหมุดหมายสำคัญต่ออุตสาหกรรมคริปโต ในด้านของการร่วมกันปราบปรามภัยคุกคามทางไซเบอร์
ในขณะเดียวกัน ชุมชนคริปโตบางส่วนได้เสนอให้ Ethereum ทำการ rollback ธุรกรรมย้อนหลังไปก่อนวันที่ 21 กุมภาพันธ์ เพื่อยกเลิกการโจมตีครั้งนี้ แต่ Zhou กลับแสดงจุดยืนว่าเขาไม่คิดว่าวิธีดังกล่าวจะเป็นทางออกที่เหมาะสม ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของ Tim Beiko นักพัฒนาหลักของ Ethereum
Beiko กล่าวว่า ในทางเทคนิคแล้ว การ rollback เครือข่ายบล็อกเชนในกรณีนี้แทบเป็นไปไม่ได้ เพราะธุรกรรมที่เกิดขึ้นไม่ได้ละเมิดโปรโตคอลของระบบโดยตรง อีกทั้งการย้อนกลับธุรกรรมจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศโดยรวมและอาจสร้างความปั่นป่วนในภายหลัง ทำให้การกู้คืนเงินทั้งหมดผ่านการ rollback เป็นไปไม่ได้โดยสมบูรณ์
ที่มา : Cointelegraph