Bit Origin บริษัทเทคโนโลยีที่เคยเน้นธุรกิจด้านเหมืองคริปโต ประกาศจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ด้วยแผนระดมทุนมูลค่าสูงถึง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำไปสร้าง Dogecoin Treasury หรือคลังสินทรัพย์ Dogecoin ขนาดใหญ่ ซึ่งจะกลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของบริษัทในการขยายธุรกิจในยุค Web3
ในการประกาศล่าสุด Bit Origin เปิดเผยว่า ได้รับเงินทุนจากนักลงทุนสถาบันไปแล้วกว่า 400 ล้านดอลลาร์ในรูปแบบของหุ้น และอีก 100 ล้านดอลลาร์ในรูปแบบ “Convertible Debt” หรือหนี้แปลงสภาพ โดยดีลชุดแรกที่มูลค่า 15 ล้านดอลลาร์ได้ปิดไปเรียบร้อย และเตรียมนำไปซื้อ Dogecoin (DOGE) เข้าพอร์ตโดยทันที
คุณ Jinghai Jiang ประธานกรรมการและซีอีโอของ Bit Origin ระบุว่า การเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งนี้เป็นการปรับตัวจากการเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านการขุดคริปโต (mining infrastructure) มาสู่การสร้างมูลค่าจากการถือครองเหรียญ Dogecoin โดยตรง ซึ่งเขามองว่า DOGE มีจุดแข็งทั้งในเรื่อง ค่าธรรมเนียมต่ำ, ความเร็วในการทำธุรกรรม, และ เริ่มได้รับการยอมรับจากร้านค้าและผู้ใช้งานจริงเพิ่มขึ้นทั่วโลก
“Dogecoin ไม่ได้เป็นแค่มีมอีกต่อไป แต่มันคือสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงระดับโลก และมีศักยภาพในการเป็นตัวกลางในการชำระเงิน” คุณ Jiang กล่าว พร้อมเสริมว่า DOGE อาจกลายเป็นหนึ่งในหัวใจหลักของระบบชำระเงินในแพลตฟอร์ม ‘X’ ที่ Elon Musk วางรากฐานไว้ในชื่อ X Money
สิ่งที่น่าสนใจคือ Bit Origin จะไม่ใช้ “กำไรสุทธิ” แบบเดิมมาเป็นตัวชี้วัดผลประกอบการ แต่จะเน้นไปที่ “จำนวน Dogecoin ต่อหุ้น” (Doge-per-share) แทน โดยเชื่อว่ากลยุทธ์นี้จะสะท้อนคุณค่าของบริษัทในระยะยาวได้ดีกว่า โดยเฉพาะในยุคที่สินทรัพย์ดิจิทัลมีความสำคัญในเชิงเศรษฐกิจมากขึ้น
Bit Origin ยังมีแผนต่อยอด Dogecoin Ecosystem ผ่านบริการเสริม เช่น Payment Solutions สำหรับผู้ใช้ทั่วไป และ Tools สำหรับนักขุด DOGE ที่ต้องการเข้าถึงบริการแบบมืออาชีพ
ดีลการระดมทุนครั้งนี้มี Chardan ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและตัวแทนในการจัดหาเงินทุน (Placement Agent) โดยรายละเอียดทางกลยุทธ์ของบริษัททั้งหมดได้ถูกยื่นอย่างเป็นทางการในเอกสาร Form 6-K ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2025
ณ เวลานี้ ราคาของ Dogecoin พุ่งทะลุ $0.21 แล้ว และหากแผนของ Bit Origin สำเร็จ บริษัทจะกลายเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ถือครอง Dogecoin มากที่สุดในโลก และอาจเป็นต้นแบบให้กับบริษัทอื่นๆ ที่เริ่มมองเห็นศักยภาพของคริปโตสาย Meme ว่ามีค่ามากกว่าความขำขัน
ที่มา: bezinga

