ในขณะที่วิกฤตราคาบ้านที่พุ่งสูงจนเกินเอื้อมกำลังทวีความรุนแรงขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ล่าสุดในออสเตรเลียได้เกิดนวัตกรรมทางการเงินที่อาจเป็น “ทางรอดใหม่” สำหรับผู้ถือครองคริปโตที่ต้องการจะเป็นเจ้าของบ้านโดยไม่ต้องเทขายสินทรัพย์ดิจิทัลของตนเอง โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา Block Earner บริษัทฟินเทคของออสเตรเลีย ได้ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่ใช้ Bitcoin ค้ำประกันเป็นรายแรกของประเทศอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ต่อสู้กับหน่วยงานกำกับดูแลในชั้นศาลมานานกว่าสองปี
การเปิดตัวครั้งประวัติศาสตร์นี้เกิดขึ้นได้หลังจากที่ศาลรัฐบาลกลางได้มีคำตัดสินครั้งสำคัญเมื่อเดือนเมษายน โดยชี้ว่าผลิตภัณฑ์ให้กู้ยืมโดยใช้คริปโตของ Block Earner นั้นไม่เข้าข่ายเป็น “ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน” (financial products) ภายใต้กฎหมายบริษัท คำตัดสินดังกล่าวได้ปลดล็อกให้บริษัทสามารถให้บริการนำ Bitcoin มาใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อบ้านได้โดยไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจบริการทางการเงิน ภายใต้โมเดลใหม่นี้ ผู้กู้สามารถนำ Bitcoin ของตนเองซึ่งถูกจัดเก็บอย่างปลอดภัยโดยแพลตฟอร์มดูแลสินทรัพย์อย่าง Fireblocks มาใช้เป็นหลักประกันเพื่อขอสินเชื่อเงินสดได้สูงสุดถึง 50% ของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ นอกจากจะเป็นการเปิดโอกาสครั้งสำคัญให้กับผู้ถือครอง Bitcoin แล้ว โมเดลนี้ยังเป็นการนำเสนอแนวทางใหม่ในการประเมินความน่าเชื่อถือทางเครดิต (creditworthiness) ซึ่งแตกต่างไปจากการอนุมัติสินเชื่อแบบดั้งเดิมที่มุ่งเน้นไปที่เงินเดือนและเงินสดเป็นหลัก
แนวโน้มดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในออสเตรเลียเท่านั้น แต่ในสหรัฐอเมริกาก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน โดยเมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา หน่วยงานการเคหะของรัฐบาลกลาง (FHFA) ได้สั่งการให้องค์กรสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่าง Fannie Mae และ Freddie Mac ไปสำรวจแนวทางที่จะนับรวมการถือครองคริปโตใน Exchange ที่ถูกกฎหมายเป็นส่วนหนึ่งของสินทรัพย์สำรองในการพิจารณาสินเชื่อที่อยู่อาศัย และล่าสุดได้มีการเสนอร่างกฎหมายใหม่ในสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ เพื่อบังคับให้หน่วยงานด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัยต้องปรับปรุงแนวทางและยอมรับการถือครองคริปโตของผู้กู้ ซึ่งหากผ่านการอนุมัติ ก็จะช่วยขยายโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อบ้านให้กับผู้ถือสินทรัพย์ดิจิทัลในวงกว้างขึ้น
การเกิดขึ้นของนวัตกรรมเหล่านี้มีฉากหลังเป็นวิกฤตด้านที่อยู่อาศัยที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นทั้งในออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลียได้กลายเป็นหนึ่งในตลาดที่อยู่อาศัยที่ผู้คนเข้าถึงได้น้อยที่สุดในโลก โดยราคาบ้านโดยเฉลี่ยสูงกว่ารายได้ครัวเรือนทั่วไปเกือบ 10 เท่า ขณะที่ในสหรัฐฯ ราคาบ้านโดยเฉลี่ยพุ่งสูงกว่า 420,000 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่ารายได้ครัวเรือนโดยเฉลี่ยถึง 7 เท่า และส่งผลให้จำนวนคนไร้บ้านพุ่งสูงทำสถิติใหม่ในปี 2023 แต่ในขณะที่ราคาบ้านพุ่งสูงจนเกินเอื้อมสำหรับคนจำนวนมาก เมื่อเทียบกับ Bitcoin แล้ว ราคาบ้านกลับปรับตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ราคาของ Bitcoin ได้พุ่งสูงขึ้นถึงเกือบ 87% การเกิดขึ้นของสินเชื่อที่ใช้คริปโตค้ำประกันจึงอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในยุคดิจิทัล
ที่มา: cointelegraph