รายงานล่าสุดของ BlackRock ผู้จัดการสินทรัพย์อันดับต้นๆของโลก ได้ออกมาแสดงความกังวลต่อวิกฤต “de-dollarization” หรือการเริ่มปฏิเสธการใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จากทางธนาคารกลางทั่วโลกที่ท่าที่รุนแรงมากขึ้น
BlackRock กล่าวว่า นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998 เป็นต้นมา สกุลเงินดอลลาร์ได้เริ่มเข้าสู่ช่วงถดถอยอย่างต่อเนื่อง และเหล่าธนาคารกลางก็เริ่มที่จะมีการจัดเก็บทองคำรวมถึงสกุลเงินอื่น ๆ รวมถึงสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น Bitcoin ที่กำลังเป็นกระแสมาแรง
ความกังวลต่อวิกฤตดังกล่าวได้ถูกตอกย้ำโดยจดหมายต่อผู้ถือหุ้นของ Larry Fink ผู้ซึ่งเป็น CEO ปัจจุบัน โดย Fink กล่าวว่า “ดอลลาร์สหรัฐฯ จะไม่สามารถรักษาสถานะสกุลเงินที่เป็นทุนสำรองของทั่วโลกไว้ได้ตลอดไป”
เขาเสริมว่า สถานการณ์หนี้สหรัฐฯ ในปัจจุบันจะนำไปสู่การทำให้ประเทศต่าง ๆ เลือกที่จะละทิ้งดอลลาร์ และหันไปหาสินทรัพย์อื่นแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่ง Bitcoin เองก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะสามารถเอาชนะดอลลาร์สหรัฐฯได้
มากไปกว่านั้นทางฝั่งคู่แข่งหลักอย่างจีนและรัสเซียเองก็เริ่มเคลื่อนไหวเพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ และได้จัดตั้งกลุ่มพันธมิตร BRICS ขึ้น รวมไปถึงมีการเปิดตัวระบบชำระเงินแบบไรพรมแดน CIPS (Cross-Border Interbank Payment System) ที่จะมาแทนระบบเก่าอย่าง SWIFT ด้วยเช่นกัน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้ “เงินหยวน” ก้าวขึ้นมาเป็นเงินสกุลใหญ่ของโลก
อย่างไรก็ตาม การละทิ้งดอลลาร์อย่างสมบูรณ์ยังถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากเพราะมันถือเป็นสกุลเงินที่มีสภาพคล่องมากที่สุดในโลกแม้จะเริ่มเผชิญหน้ากับความถดถอย มิหนำซ้ำสมาชิกในเครือ BRICS เองอย่าง อินเดียก็ประกาศชัดว่าพวกเขายังคงไม่มีความคิดที่จะทอดทิ้งดอลลาร์สหรัฐฯ
ที่มา : Watcher.guru