เมื่อพูดถึงการลงทุนในคริปโต การเลือกประเทศที่ไม่มีภาษีสำหรับการซื้อขายคริปโตนั้นกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนหลายคนให้ความสนใจ เพราะการเก็บภาษีจากกำไรที่เกิดจากการซื้อขายคริปโตในบางประเทศอาจทำให้การลงทุนไม่คุ้มค่าเท่าที่ควร
ในบทความนี้ เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ 5 ประเทศที่ถือว่าเป็น “สวรรค์” สำหรับนักลงทุนคริปโตที่ไม่ต้องห่วงเรื่องภาษีและกฎหมายซับซ้อน
1. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE)

ปัจจุบันสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่ให้การสนับสนุนคริปโตอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ๆ เช่น ดูไบและอาบูดาบี ซึ่งได้เปิดพื้นที่พิเศษที่ยกเว้นการเก็บภาษีจากการเทรด การ stake และการขุดคริปโต นั่นหมายความว่า นักลงทุนจะไม่ต้องจ่ายภาษีจากกำไรที่ได้จากการทำกิจกรรมเหล่านี้
การยกเว้นภาษีใน UAE ไม่เพียงแต่ช่วยลดภาระภาษีในเรื่องของการคำนวณภาษีเงินได้ส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงภาษีกำไรจากสินทรัพย์ดิจิทัล ทำให้เป็นจุดหมายที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนคริปโตทั่วโลก
2. เอล ซัลวาดอร์

เอลซัลวาดอร์กลายเป็นประเทศที่โดดเด่นในวงการคริปโตหลังจากที่เป็นประเทศแรกในโลกที่ประกาศให้ Bitcoin เป็นสกุลเงินที่ถูกกฎหมายอย่างเป็นทางการในปี 2021 ซึ่งการตัดสินใจนี้ทำให้เอลซัลวาดอร์เป็นที่สนใจของนักลงทุนคริปโตจากทั่วโลก
นอกจากนี้ นายิบ บูเคเล ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของเอลซัลวาดอร์ ยังคงแสดงท่าทีสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโตอย่างเต็มที่มาตลอด โดยในปี 2025 เอลซัลวาดอร์ยังคงเป็น สวรรค์ของชาว Bitcoin อย่างแท้จริง เนื่องจากกฎหมายของประเทศระบุว่าจะไม่มีการเก็บภาษีจากการทำธุรกรรม Bitcoin ไม่ว่าจะเป็นการเทรด การใช้งานผ่าน Lightning Network หรือแม้แต่การ HODL
ขณะเดียวกัน พวกเขายังคงเร่งเดินหน้าสร้าง “นคร Bitcoin” ขึ้นมาในประเทศ ซึ่งจะเป็นเมืองหลวงของชาวคริปโตในอนาคตที่ดึงพลังงานความร้อนใต้ภิภพขึ้นมาใช้ ทำให้เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนระยะยาว
3. เยอรมนี

ในลิสต์นี้ เยอรมนีอาจไม่ได้เป็นถึงขั้น “สวรรค์” ของชาวคริปโต แต่พวกเขาก็ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่เป็นมิตรต่อนักเทรดโดยเฉพาะอย่างยิ่งสายถือยาว เพราะกฎหมายระบุไว้ว่า หากมีการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลมานานกว่า 12 เดือน การซื้อขาย-แลกเปลี่ยน หรือนำใช้ในชีวิตประจำวัน จะไม่ถูกจัดเก็บภาษี
แต่นักเทรดสายถือสั้นก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะหากกำไรที่ได้ต่อปีน้อยกว่า 1,000 ยูโร นักเทรดก็ไม่จำเป็นต้องส่งเอกสารยื่นเรื่องและไม่ถูกเก็บภาษีแต่อย่างใด แม้ประเทศจะขึ้นชื่อในเรื่องของการจัดเก็บภาษีที่สูง ซึ่งถ้าหากพิจารณาจากภูมิศาสตร์ที่เยอรมนีตั้งอยู่ในทวีปยุโรปแล้วก็ทำให้ เยอรมนี เป็นประเทศที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับชาวคริปโต
4. โปรตุเกส

นอกเหนือจากเยอรมนีแล้ว โปรตุเกสก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีการยกเลิกภาษีคริปโต ซึ่งมีการใช้กฏเกณฑ์เดียวกันคือหากถือครองมาเกิน 365 วัน จะถือว่าได้รับการยกเว้นภาษี ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่ได้รับเลือกเข้าโครงการผู้อยู่อาศัยที่ไม่มีถิ่นที่อยู่ถาวร จะได้รับการยกเว้นภาษีคริปโตจากต่างประเทศด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ผู้ถือคริปโตระยะสั้นยังคงต้องจ่ายภาษีที่สูงถึง 28% ซึ่งจะรวมไปถึงกำไรที่เกิดขึ้นจากการ staking
5. ไทย

สำหรับประเทศไทยบ้านเราเองก็ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีการยกเว้นการจัดเก็บภาษีคริปโตด้วยเช่นกัน จากเดิมที่นักลงทุนต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% และต้องนำไปรายงานในภาษีเงินได้ประจำปีอีกครั้ง แต่ตอนนี้นักลงทุนไม่ต้องเสียภาษีเลยหากเข้าเงื่อนไขเป็นบุคคลธรรมดาที่ทำธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต.
เงื่อนไขการยกเว้นภาษีนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2572 และจะต้องทำผ่านผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายเท่านั้น
สรุป
แม้บางประเทศจะมีการยกเว้นภาษีสำหรับการทำธุรกรรมคริปโต แต่ก็มีเงื่อนไขต่าง ๆ ที่นักลงทุนต้องปฏิบัติตาม เช่น การจัดเตรียมเอกสารหรือการยืนยันการเข้าพำนักในประเทศ นอกจากนี้กฎหมายก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้ ดังนั้น นักลงทุนจึงต้องพิจารณาให้ดีว่าประเทศที่ได้ยกตัวอย่างมาเหมาะสมกับการลงทุนในคริปโตหรือไม่
ที่มา : Cointelegraph

