เกิดปรากฏการณ์ที่น่าประหลาดใจและน่ากังวลขึ้นในตลาด เมื่อราคาหุ้นของ Strategy (MSTR) ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนของ Bitcoin ที่โด่งดังที่สุดในโลก กลับดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับราคาของ Bitcoin ที่เพิ่งจะพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่ที่ 124,420 ดอลลาร์สหรัฐ การเคลื่อนไหวที่สวนทางกันอย่างรุนแรงนี้ได้จุดประกายคำถามสำคัญขึ้นมาว่า “มนต์ขลัง” ของ Michael Saylor และ “ตำรา” การลงทุนใน Bitcoin ของเขากำลังจะเสื่อมลงแล้วหรือไม่?
ในขณะที่ Bitcoin กำลังเฉลิมฉลองจุดสูงสุดใหม่ ราคาหุ้นของ MSTR กลับร่วงลงมาอยู่ที่ 375.80 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการดิ่งลงถึง 20% จากจุดสูงสุดของปีนี้ และลดลงกว่า 30% จากจุดสูงสุดในปี 2024 นักวิเคราะห์ได้ชี้ให้เห็นถึง “4 ปัจจัยลบ” ที่กำลังกดดันราคาหุ้นอย่างหนักหน่วง ดังนี้
1. มูลค่าที่ ‘แพงเกินจริง’ (Valuation Concerns) นี่คือสาเหตุที่ใหญ่ที่สุด แม้ว่าบริษัทจะถือครอง Bitcoin มูลค่ามหาศาลถึง 7.47 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่มูลค่าตลาดรวมของบริษัทกลับสูงถึง 1.07 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่ามี “ช่องว่าง” ของมูลค่าที่สูงเกินจริงอยู่ถึง 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์ นักลงทุนจึงอาจกำลังเทขายเพื่อบีบให้ช่องว่างดังกล่าวแคบลง
2. ตลาดอิ่มตัวจาก ‘ผู้ลอกเลียนแบบ’ (Market Saturation) “ตำราของ Saylor” ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลาย จนทำให้ในปัจจุบันมีบริษัทมากกว่า 100 แห่งที่พยายามจะเลียนแบบโมเดลธุรกิจนี้เพื่อกระตุ้นราคาหุ้นของตนเอง การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นได้ทำให้ความน่าสนใจใน MSTR ซึ่งเคยเป็นผู้เล่นเพียงไม่กี่ราย ลดน้อยลงไป
3. การโจมตีจาก ‘นักขายชอร์ต’ (Short-Sellers) หุ้น MSTR กำลังเผชิญกับการโจมตีอย่างหนักจากกลุ่มนักลงทุนที่วางเดิมพันว่าราคาจะลดลง ข้อมูลจาก SeekingAlpha แสดงให้เห็นว่าปริมาณการขายชอร์ตได้พุ่งสูงขึ้นไปเกือบ 10% โดยหนึ่งในนั้นคือนาย Jim Chanos ซึ่งเป็นนักขายชอร์ตชื่อดังระดับโลก ที่ได้ออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่ากำลังเดิมพันสวนทางกับโมเดลธุรกิจนี้
4. ความกลัวเรื่อง ‘การเพิ่มทุน’ ไม่สิ้นสุด (Dilution Fears) เพื่อที่จะมีเงินไปซื้อ Bitcoin เพิ่มอย่างต่อเนื่อง บริษัทจำเป็นต้องออกหุ้นใหม่มาขายในตลาด ซึ่งเป็นการลดสัดส่วนความเป็นเจ้าของของผู้ถือหุ้นเดิม (Dilution) โดยจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทได้เพิ่มขึ้นจาก 78 ล้านหุ้นในปี 2022 มาอยู่ที่ 261 ล้านหุ้นในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ในภาพทางเทคนิค ราคาหุ้น MSTR กำลังเข้าใกล้แนวรับที่สำคัญอย่างยิ่งที่ระดับ 358 ดอลลาร์ หากราคาสามารถยืนอยู่เหนือระดับนี้ได้ ก็อาจจะยังมีโอกาสฟื้นตัวกลับขึ้นไปได้ แต่หากหลุดแนวรับนี้ไป ก็อาจเป็นการยืนยันถึงแนวโน้มขาลงที่อาจจะพาให้ราคาดิ่งลึกลงไปถึง 300 ดอลลาร์ได้เลยทีเดียว สถานการณ์ของ “หุ้นตัวพ่อ” แห่งวงการคริปโตในขณะนี้จึงเต็มไปด้วยความท้าทายและน่าจับตามองอย่างยิ่ง
ที่มา: crypto.news

