ในวันนี้ (วันที่ 18 สิงหาคม) ราคาของ Bitcoin ยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยทะลุผ่านระดับ 115,000 ดอลลาร์ ลงไปซื้อขายอยู่ที่ระดับ 114,745 ดอลลาร์ ซึ่งในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ราคาได้ร่วงลงไปทำจุดต่ำระหว่างวันสุดอยู่ที่ 114,723.68 ดอลลาร์

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่งเกินคาดได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทำให้ราคา Bitcoin และ Ethereum ปรับตัวลดลงอย่างหนัก
โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ร่วงลงสู่ระดับ 115,500 ดอลลาร์ ลดลง 2% ภายในวันเดียว และในช่วงเช้า ราคาลงไปแตะจุดต่ำสุดที่ 115,046 ดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นการปรับตัวลงกว่า 7.5% จากจุดสูงสุดตลอดกาลที่เคยทำไว้เมื่อวันพุธที่ 124,350 ดอลลาร์ ในขณะเดียวกัน ราคา Eth ก็ร่วงลงเช่นกัน โดยราคาลดลง 3.33% มาอยู่ที่ 4,329 ดอลลาร์

วินเซนต์ หลิว ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ Kronos Research อธิบายว่า สาเหตุที่ราคา Bitcoin ร่วงลงในครั้งนี้ มาจากความระมัดระวังของนักลงทุน หลังจากที่ตัวเลขเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
ตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้นทำให้ตลาดเริ่มมองว่า เฟดอาจจะยังไม่ลดดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ ส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และนักลงทุนส่วนใหญ่หันมาลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นอย่างมาก หลังจากตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ออกมาต่ำกว่าคาด แต่ความเชื่อมั่นดังกล่าวถูกสั่นคลอนอีกครั้งเมื่อดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
นักวิเคราะห์มองว่า ปัจจัยทางเศรษฐกิจเหล่านี้ ทำให้ความหวังในการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนกันยายนลดน้อยลงไป
วินเซนต์อธิบายว่า “นักลงทุนกำลังชะลอการลงทุน และรอดูความชัดเจนจากตลาดมหภาค และตลาดคริปโต ก่อนที่จะตัดสินใจกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง”
นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังคงถูกกดดันอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ได้ยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่มีนโยบายซื้อ Bitcoin มาเป็นทุนสำรองของประเทศ แต่จะพิจารณาทางเลือกอื่น ๆ ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดสรรงบประมาณแทน
อย่างไรก็ตาม ราเชล ลูคัส (Rachael Lucas) นักวิเคราะห์จาก BTC Markets มองว่า การที่ราคาคริปโตปรับฐานลงในครั้งนี้ เป็นเพียงการย้ายเงินลงทุน ไม่ใช่การสูญเสียความเชื่อมั่นในตลาด
สิ่งที่ยืนยันมุมมองนี้คือ ข้อมูลกระแสเงินไหลเข้า-ออกของกองทุน ETF คริปโต ในวันศุกร์ที่ผ่านมา แม้ว่ากองทุนของ Grayscale และ Ark Invest จะมีเงินไหลออก แต่กองทุน ETF ของ BlackRock (IBIT) ยังคงมีกระแสเงินไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง และกองทุน ETF ของ Ether ก็มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงเห็นตรงกันว่า ตัวขับเคลื่อนตลาดที่สำคัญในระยะต่อไปขึ้นอยู่กับนโยบายทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการประชุม Jackson Hole Symposium ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้
หาก Fed มีท่าทีผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน อาจช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนกลับมาสนใจสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง
นอกจากนี้ การไหลเข้าของเงินทุนจากกองทุน ETF และการที่บริษัทเอกชนเข้าซื้อ Bitcoin อย่างต่อเนื่อง จะช่วยสร้างระดับราคาที่แข็งแกร่งให้กับตลาดได้เช่นกัน
ในขณะที่รายงาน ราคา Bitcoin กำลังซื้อขายอยู่ที่ 115,073 ดอลลาร์ ลดลง 2.81% ภายใน 24 ชั่วโมง อ้างอิงข้อมูลจาก coinmarketcap


