ตลอดช่วงสัปดาห์ผ่านมา ราคาของ Bitcoin ได้เกิดความผันผวนอย่างรุนแรง จากเดิมที่เคยทำสถิติราคาสูงสุดใหม่ที่ $124,000 กลับร่วงลงมาสู่จุดต่ำสุดที่ $114,000 ซึ่งทำให้หลายคนลังเลใจว่า ราคาที่ปรับฐานใหม่นี้อาจยังไม่ใช่จุดต่ำสุด หรือตลาดขาขึ้นอาจได้ผ่านพ้นไปแล้ว
อย่างไรก็ตามข้อมูลของ Bitcoin จำนวน 4 ปัจจัยกลับแสดงให้เห็นว่า บิตคอยน์ยังไม่ตายและเตรียมฟื้นตัวกลับขึ้นไปยืนเหนือ $120,000 ได้ในเร็ว ๆ นี้
1. Bitcoin options skew metric พุ่งแรง
สำหรับตัวชี้วัดดังกล่าวจะเน้นไปที่ตัวเมตริกของสัญญาออปชันของบิตคอยน์ที่ได้พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบสี่เดือน สิ่งนี้เน้นย้ำถึงความกลัวที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและมากเกินไปในตลาด
ตามปกติแล้ว ในสภาวะที่สมดุลตัวชี้วัดดังกล่าวควรเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง -6% ถึง +6% แต่ถ้าหากความต้องการ Protective put เพื่อป้องกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ตัวชี้วัดนี้จะกระโดดขึ้นเหนือกรอบเป็นกลาง ในขณะที่ช่วงเวลาของการกลัวตกรถ FOMO จะผลักดันให้ลดลงต่ำกว่าแทน

ตามสถิตินั้น สัญญาณที่พุ่งขึ้นสูงแบบนี้มักเป็นการบอกใบ้ถึงจังหวะทองในการเข้าซื้อ ยกตัวอย่างเช่นการเคลื่อนไหวที่คล้ายกันเมื่อตอน 5 สิงหาคม ที่ Bitcoin ย่อตัวก่อนจะพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรงใน 6 วันให้หลัง เช่นเดียวกับเหตุการณ์ตอน 9 เมษายน ที่ Bitcoin ฟื้นแรงกว่า $11,474 ในระยะเวลาเพียงแค่ 4 วันเท่านั้น
2.กองทุน Bitcoin ETFs ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
เมื่อราคาบิตคอยน์มีการปรับตัวลดลง สิ่งหนึ่งที่นักเทรดจะกังวลตามมาคือ การที่กองทุน ETF แห่เทขายและมีเงินไหลออกเป็นจำนวนมาก ทว่าข้อมูลเผยให้เห็นว่านักเทรดอาจกังวลกันมากจนเกินไปเพราะในช่วง 31 ก.ค. – 5 ส.ค. ที่บิตคอยน์มีเงินไหลออกมากถึง $1.45 พันล้าน ราคายังย่อตัวเพียง 6% และไปหยุดที่ $112,000 เท่านั้น

ปัจจุบัน กองทุน Spot Bitcoin ETFs ถือ Bitcoin รวมกันเป็นมูลค่าที่สูงถึง $1.52 แสนล้าน ดังนั้นเงินที่ไหลเข้าออกหลักพันล้าน (1%) จึงเป็นเรื่องที่ปกติมาก ๆ สภาพคล่องของตลาดยังคงมีความแข็งแกร่งและคาดว่าจะสามารถดูดรับแรงกระแทกได้ในช่วงสั้น ๆ ทำให้นักเทรดอาจคลายความกังวลไปได้บ้าง
3. เซียนยังคงเปิด long
อีกปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนว่าขาขึ้น Bitcoin ยังไม่จบง่าย ๆ คือ การที่นักเทรดหัวแถวจากหลายกระดานเทรดยังไม่มีการปรับ longs position ของตนเองมากถึงขนาดนั้น ซึ่งสิ่งนี้เป็นการตอกย้ำว่าต่อให้ราคาจะมีการย่อตัวลงมาบ้างแต่ภาพรวมของตลาดยังคงสดใสไม่ได้สิ้นหวังไปสักทีเดียว

อย่างไรก็ดีนักเทรดหลายคนยังคงมองว่า ระดับราคา $115,000 ยังคงไม่ค่อยน่าซื้อสักเท่าไรและคาดหวังว่าจะรอให้ลงไปถึง $112,000 ก่อนที่จะนำเงินเข้ามาลงทุนเพิ่ม แต่ข้อมูลก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ความผันผวนของการเปิดโพสิชันเริ่มลดลงและทรงตัวมากขึ้น
4. จีนจับตา Stablecoin
ประเด็นสุดท้ายคือ การที่จีนเริ่มหันมาให้ความสนใจกับ stablecoin มากขึ้น ซึ่งข้อมูลชี้วัดว่าตลาดของจีนยังคงไม่ตื่นตระหนก เพราะตามหลักแล้วหากมีกิจกรรมการเทรดเยอะ Stablecoin จะมีราคาพรีเมี่ยมแพงกว่าอัตราแลกเปลี่ยนหลักที่ 2% กลับกันหากตลาดซบเซาลงราคาก็จะมีการเทรดต่ำกว่าอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งในขณะนี้ USDT มีการซื้อขายกันด้วยส่วนลด 0.8% ในประเทศจีน

สัญญาณดังกล่าวแม้จะสามารถตีความได้ว่ามีนักเทรดออกจากตลาดไปไม่น้อย แต่ด้วยการที่ระดับยังคงทรงตัวไม่ลดไปมากกว่านี้แสดงให้เห็นว่าตลาดกำลังรอการฟื้นตัว
อย่างไรก็ตามตัวชี้วัดทั้ง 4 ที่ได้กล่าวไปข้างตนเป็นเพียงแค่การประเมินในเบื้องต้นเพียงเท่านั้นและไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุนแต่อย่างใด เพราะการลงทุนมีความเสี่ยงและอาจสูญเงินได้ทั้งจำนวน
ที่มา : Cointelegraph

