<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ตระกูลทรัมป์รวยขึ้นทันตา 6 พันล้านดอลลาร์ หลัง WLFI เปิดให้ซื้อขายในวันแรก !

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

พอร์ตความมั่งคั่งของครอบครัวทรัมป์เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 6 พันล้านดอลลาร์ หลังโปรเจกต์ World Liberty Financial (WLFI) ได้เปิดตัวการซื้อขายโทเคนบนกระดานเทรดยักษ์ใหญ่หลายแห่ง

การเปิดเทรดครั้งนี้ถูกเปรียบว่า เสมือนกับการจดทะเบียนเข้าตลาดหุ้น เพราะก่อนหน้านี้ นักลงทุนที่ซื้อโทเคนจากรอบ private sale  ไม่มีทางขายได้ แต่เมื่อเปิดตลาดแล้ว การซื้อขายเสรีก็เกิดขึ้นทันที

จากข้อมูลของ CoinMarketCap พบว่า ปริมาณการซื้อขายโทเคนพุ่งสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์ ภายในชั่วโมงแรก โดยราคาแกว่งตัวอยู่ระหว่าง 0.24 – 0.30 ดอลลาร์ สอดคล้องกับราคาซื้อขายในตลาด futures ก่อนหน้านี้

หลังจากที่ราคาโทเค็น WLFI พุ่งขึ้นทำราคาสูงสุด มูลค่าการถือครองในโทเค็นนี้ของตระกูลทรัมป์ก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก จนมีมูลค่าสูงกว่า 6 พันล้านดอลลาร์ ทำให้ WLFI กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากที่สุดของพอร์ตพวกเขาในขณะนี้

ครอบครัวทรัมป์ รวมถึงอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ถือครองโทเคน WLFI เกือบ หนึ่งในสี่ของทั้งหมด แต่โทเคนของผู้ก่อตั้งและทีมงานยังถูกล็อกไว้ ไม่สามารถขายได้ ถึงอย่างนั้น การเปิดเทรดก็ทำให้สินทรัพย์ที่เคยมีมูลค่าแค่เป็นตัวเลข ก่อนที่นักลงทุนจะเป็นตัวกำหนดราคาตลาดของจริงเป็นครั้งแรก

อย่างไรก็ตาม ภายในเช้าวันอังคาร ราคาเหรียญก็ร่วงลง 16% มาอยู่ที่ 0.23 ดอลลาร์ แต่ก็ยังยืนยันสถานะของ World Liberty ว่าเป็นหัวใจหลักในพอร์ตคริปโตที่เติบโตอย่างรวดเร็วของตระกูลทรัมป์


นักลงทุนรายแรกกำไร 15 เท่า แต่ขายได้เพียงบางส่วน

การเปิดตัวนี้สร้างกำไรก้อนโตให้ผู้ลงทุนรอบแรก ผู้ที่ซื้อที่ราคา 0.015 ดอลลาร์ เห็นมูลค่าโทเคนพุ่งกว่า 15 เท่า แต่พวกเขายังขายได้เพียง 20% ของการถือครอง ในช่วงนี้

ความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากกลยุทธ์ทางการเงินเชิงรุก World Liberty ใช้วิธีเข้าควบกิจการบริษัทจดทะเบียน และระดมทุนกว่า 750 ล้านดอลลาร์ เพื่อนำเงินมาซื้อโทเคนของตัวเอง

ความมั่งคั่งที่ยังไม่เป็นเงินสด

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่านี่คือ “ความมั่งคั่งที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง” เพราะการขายโทเค็นในปริมาณมากอาจกดราคาเหรียญให้ดิ่งลงได้ทันที เพราะตลาดมีสภาพคล่องที่ต่ำ

การเปิดตัว WLFI ยังเรียกเสียงวิจารณ์ ฝ่ายเดโมแครตและผู้เชี่ยวชาญด้านจริยธรรมมองว่าการที่ทรัมป์มีบทบาทเชิงลึกในโลกคริปโต ขณะเดียวกันก็มีอำนาจกำหนดทิศทางกฎระเบียบ อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์อย่างชัดเจน

ที่มา : cryptonews