ในที่สุด ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ก็ยอม “หัก” ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับตลาดแรงงานของสหรัฐฯ และแรงกดดันทางการเมืองอย่างหนัก
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ได้ลงมติด้วยคะแนนเสียง 11 ต่อ 1 ให้ปรับลดกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% มาอยู่ที่ 4.00% ถึง 4.25% ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า Fed กำลังเปลี่ยนจุดยืนเพื่อรับมือกับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้น
เบื้องหลังการตัดสินใจ เมื่อ ‘ตลาดแรงงาน’ อ่อนแอกว่าที่คิด
ในแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ Fed ได้ยอมรับว่าการเติบโตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ “ชะลอตัวลง” แต่ปัจจัยชี้ขาดที่สำคัญที่สุดคือ “ความเสี่ยงด้านลบต่อการจ้างงานได้เพิ่มสูงขึ้น” Fed ยอมรับว่าการเพิ่มขึ้นของตำแหน่งงานได้ชะลอตัวลง และอัตราการว่างงานก็ขยับสูงขึ้น
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ Fed ซึ่งมีภารกิจสองด้านคือการรักษาเสถียรภาพด้านราคาและการจ้างงานสูงสุด ต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบาก แต่สุดท้ายแล้ว ความกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงานที่กำลังทรุดตัวลงก็มีน้ำหนักมากกว่าความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ และเป็นปัจจัยผลักดันให้ Fed ต้องลงมือลดดอกเบี้ยในที่สุด
เสียงแตกในบอร์ด-แต่ไม่มากเท่าที่คาด
การประชุมครั้งนี้เต็มไปด้วยความตึงเครียดทางการเมืองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แม้การลดดอกเบี้ย 0.25% จะเป็นไปตามคาด แต่ก็เกิดความเห็นต่างขึ้นภายในคณะกรรมการ
- สตีเฟน มิราน (Stephen Miran) ผู้ว่าการคนใหม่ที่ทรัมป์เพิ่งส่งเข้ามานั่งในบอร์ดสดๆ ร้อนๆ ได้โหวตสวนมติ โดยต้องการให้ลดดอกเบี้ยแรงกว่านั้นถึง 0.50%
- เสียงส่วนใหญ่ กรรมการ 11 ท่าน ซึ่งรวมถึง ประธานเจอโรม พาวเวล และ ลิซา คุก ที่ทรัมป์พยายามจะปลดออกจากตำแหน่ง ได้ลงมติเห็นชอบให้ลดดอกเบี้ย 0.25%
แรงกดดันจากทรัมป์ไม่ได้มีอยู่แค่ในห้องประชุม เขายังคงเดินหน้า “ทุบ” Fed ผ่านโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง และพยายามเข้ามาแทรกแซงความเป็นอิสระของธนาคารกลาง อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า แม้ทรัมป์จะกดดันอย่างหนัก แต่การตัดสินใจลดดอกเบี้ยของ Fed ในครั้งนี้น่าจะเกิดขึ้นอยู่แล้วไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม
อนาคตข้างหน้า ‘Dot Plot’ ชี้อาจลดอีก 2 ครั้งปีนี้
สิ่งที่ตลาดจับตามากที่สุดคือ “Dot Plot” หรือแผนภาพที่แสดงการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของกรรมการแต่ละคน ซึ่งได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกสองครั้งก่อนสิ้นปีนี้ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนตุลาคมและธันวาคม
อย่างไรก็ตาม แผนภาพดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากภายในคณะกรรมการ โดยมีกรรมการหนึ่งท่าน (ซึ่งคาดว่าคือมิราน) ที่มองว่าควรจะลดดอกเบี้ยลงอีกถึง 1.25% ในปีนี้ ในขณะที่มีกรรมการอีกเก้าท่านที่มองว่าจะมีการลดอีกเพียงครั้งเดียว
สำหรับปี 2026, “Dot Plot” บ่งชี้ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียว ซึ่งช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้อย่างมาก