จีนเดินเกมใหญ่บนสมรภูมิการเงินดิจิทัล หลังอนุมัติให้มีการเปิดตัว Stablecoin หยวนชื่อว่า“AxCNH” ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของภาครัฐ โดยความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการท้าทายบทบาทของดอลลาร์สหรัฐฯ บนเวทีการค้าระดับโลก
เมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา บริษัทฟินเทค AnchorX ได้เปิดตัว Stablecoin หยวน “AxCNH” ที่งาน Belt and Road Summit ในฮ่องกง ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวที่กล้าหาญที่สุดของปักกิ่งในการขยายอิทธิพลของสกุลเงินผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน
ข้อแตกต่างสำคัญระหว่างเหรียญ AxCNH กับเหรียญ USDT และ USDC คือ มันถูกวางตำแหน่งในเชิงยุทธศาสตร์เพื่ออำนวยความสะดวกในการค้าข้ามพรมแดนในโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงจีนเข้ากับตลาดในตะวันออกกลาง ยุโรป และภูมิภาคอื่น ๆ
ความเคลื่อนไหวสำคัญนี้เน้นย้ำว่า ปักกิ่งกำลังใช้บล็อกเชนและการโทเคนไนเซชัน เพื่อทำให้เงินหยวนกลายเป็นสกุลเงินสากล พร้อมกับพยายามแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในการชำระบัญชีการค้าทั่วโลก
ทั้งนี้ การเปิดตัว Stablecoin หยวน เกิดขึ้นไล่เลี่ยกับการเปิดตัว Stablecoin วอน (KRW1) จาก BDACS บริษัทโครงสร้างพื้นฐานสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งทั้งสองโทเคนได้รับการออกแบบให้เป็น Stablecoin ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันเกินมูลค่า (overcollateralized) โดยได้รับการค้ำประกันแบบ 1:1 ด้วยเงินฝากในสกุลเงิน Fiat หรือตราสารหนี้ของรัฐบาลที่เก็บไว้กับผู้ดูแล (Custody) การออกแบบเช่นนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ไขข้อกังวลเรื่องความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นปัญหาที่กวนใจอุตสาหกรรม Stablecoin มาอย่างยาวนาน
นอกจากนั้น ทางรัสเซียยังได้ออกมาแสดงการสนับสนุนความเคลื่อนไหวนี้อย่างชัดเจน โดย Anton Kobyakov ที่ปรึกษาของประธานาธิบดี Vladimir Putin กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพยายามชดเชยหนี้สาธารณะ 37 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยใช้ Stablecoin และทองคำเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นในเงินดอลลาร์ที่กำลังอ่อนค่าลง ดังนั้นการที่จีนเข้ามาสู่สมรภูมิพร้อมกับ AxCNH อาจทำให้สมดุลของระบบการเงินที่กำลังเปลี่ยนไปสู่หลายขั้วอำนาจยิ่งชัดเจนขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อตลาด Stablecoin เริ่มเติบโตขึ้น การแข่งขันในอุตสาหกรรมก็กำลังเปลี่ยนตัวผู้เล่นจากบริษัทเอกชนธรรมดาไปสู่โครงการที่สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ โดยเหรียญ AxCNH กำลังส่งสัญญาณว่า สมรภูมิการแข่งขันทางการเงินครั้งต่อไปจะไม่ได้เกิดขึ้นในธนาคารหรือตลาดพันธบัตร แต่จะอยู่บนบล็อกเชน
ที่มา:cointelegraph