<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ฟิลิปปินส์ปราบโกง ! หันมาใช้ “บล็อกเชน” แก้ปัญหาคอร์รัปชัน หลังเกิดการประท้วงครั้งใหญ่

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

รัฐบาลฟิลิปปินส์เดินหน้าปฏิรูปความโปร่งใสครั้งสำคัญ เปิดตัวระบบบล็อกเชน โดยใช้ชื่อว่า “Integrity Chain” หรือ “บล็อกเชนแห่งความซื่อสัตย์” สำหรับบันทึกสัญญาและโครงการของกระทรวงโยธาธิการและทางหลวง (DPWH) หลังถูกกดดันจากการประท้วงใหญ่ กรณีคอร์รัปชันในโครงการควบคุมน้ำท่วมมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

โครงการนี้พัฒนาโดย BayaniChain Ventures และถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวัน 24 กันยายนที่ผ่านมา โดยระบบจะใช้บล็อกเชนทำหน้าที่เป็นบัญชีแยกประเภทที่แก้ไขไม่ได้ (Tamper-proof Ledger) เพื่อบันทึกทุกสัญญา, การอนุมัติงบประมาณ และเหตุการณ์สำคัญในโครงการของภาครัฐ ให้กลายเป็น “สินทรัพย์สาธารณะดิจิทัล” ที่ตรวจสอบได้แบบเปิดเผย

Paul Soliman ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง BayaniChain กล่าวว่า เป้าหมายของระบบนี้คือ การเปลี่ยนบันทึกของรัฐบาลให้เป็นข้อมูลที่ “ตรวจสอบได้, ยืนยันได้ และไม่สามารถบิดเบือนได้” พร้อมชี้ว่า หากขยายการใช้งานไปยังหน่วยงานอื่น จะช่วยปกป้องงบประมาณประจำปีของประเทศซึ่งมีมูลค่ากว่า 9.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ได้

การเปิดตัวเกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากมวลชนกว่า 130,000 คน ที่ออกมาประท้วงเมื่อวันที่ 21 กันยายน ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 53 ปีของการประกาศกฎอัยการศึกในยุคอดีตประธานาธิบดี Ferdinand Marcos Sr. โดยผู้ชุมนุมเรียกร้องความรับผิดชอบหลังพบการโกงงบโครงการควบคุมน้ำท่วม ทั้งการฮั้วสัญญา, งานก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน และ โครงการปลอมๆ

ข้อมูลจาก Australian Institute of International Affairs ระบุว่า ฟิลิปปินส์ใช้งบไปแล้วกว่า 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์ ตลอด 15 ปีในโครงการน้ำท่วมที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความไม่โปร่งใส

โครงสร้างระบบใหม่ของฟิลิปปินส์ ความโปร่งใสแบบ On-chain

Gelo Wong ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเติบโตของ BayaniChain อธิบายว่า ระบบ “Integrity Chain” ทำงานบน Polygon Proof-of-Stake ซึ่งเป็นเครือข่ายที่เข้ากันได้กับ Ethereum โดยทุกบันทึกจะถูกประทับเวลาแบบเข้ารหัส และถูกเก็บไว้บนบล็อกเชน ก่อนส่งให้ผู้ตรวจสอบอิสระ เช่น NGO, มหาวิทยาลัย และสื่อมวลชน

การตรวจสอบใช้โมเดล “หนึ่งองค์กร หนึ่งเสียง” เพื่อป้องกันไม่ให้มีฝ่ายใดครอบงำ โดยปัจจุบันมีองค์กรกว่า 40 แห่งเข้าร่วมตั้งแต่เริ่มต้น ทุกการตรวจสอบจะถูกบันทึกลงบล็อกเชนเช่นเดียวกัน ทำให้แม้แต่ผู้ตรวจสอบเองก็ถูกตรวจสอบได้

“ความไว้วางใจของประชาชนต้องไม่สร้างด้วยคำสัญญา แต่ต้องสร้างด้วย การเข้ารหัส (Cryptography), การตรวจสอบแบบเปิด (Open Validation) และระบบที่ประชาชนเข้ามาดูได้ด้วยตัวเอง” Soliman กล่าว

ที่มา:decrypt