<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นักลงทุนเฮ ! ก.ล.ต. ไทยเล็งไฟเขียว ‘Altcoin ETF’ ครอบคลุมตะกร้าเหรียญ คาดเปิดตัวเร็วสุดปีหน้า

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ดูเหมือนว่าตลาดคริปโตไทยกำลังจะคึกคักขึ้นอีกระลอก เพราะล่าสุด ก.ล.ต. ไทย ออกมาประกาศยืนยันแล้วว่า กำลังเดินหน้าขยายแผน กองทุน ETF คริปโต (Crypto ETF) ที่ตอนแรกโฟกัสแค่ Bitcoin ให้ครอบคลุมไปถึง “ตะกร้าเหรียญดิจิทัล” ตัวอื่น ๆ ด้วย โดยคาดว่าจะได้เห็นการเปิดตัวจริงในช่วงต้นปีหน้า

พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า หนึ่งในแนวคิดที่กำลังร่างกฎเกณฑ์อยู่ตอนนี้คือการเปิดทางให้ กองทุนรวมและสถาบันการเงินในไทย สามารถออก ETF ที่อิงกับเหรียญหลายตัวพร้อมกันได้ ไม่ใช่แค่บิทคอยน์เพียงเหรียญเดียว ซึ่งถือเป็นการ “ขยายซัพพลาย” ของผลิตภัณฑ์ลงทุนคริปโตให้กว้างขึ้น

ที่ผ่านมา นักลงทุนไทยที่อยากลงทุนในคริปโตผ่านกองทุน มักทำได้เพียงการซื้อกองทุนที่ไปลงทุนใน ETF ต่างประเทศ เท่านั้น แต่ถ้าแผนใหม่นี้สำเร็จจริง จะเป็นครั้งแรกที่นักลงทุนไทยสามารถเข้าถึง Crypto ETF ที่ออกโดยบริษัทจัดการกองทุนในประเทศ ได้โดยตรง

ก.ล.ต. ยังมองว่า กระแสคริปโตเหมาะกับพฤติกรรมนักลงทุนรุ่นใหม่ที่อยากกระจายความเสี่ยงและเพิ่มสีสันในพอร์ต มากกว่าจะถือหุ้นแบบเดิม ๆ เพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะเมื่อปีนี้ตลาดหุ้นไทยร่วงลงไปแล้วกว่า 7.6% ทำให้นักลงทุนหันมามองหาทางเลือกใหม่ ๆ ที่ให้โอกาสการเติบโตมากกว่า

อย่างไรก็ดี แผนนี้ก็ไม่ได้มีแต่โอกาส เพราะมาพร้อมความเสี่ยงใหม่ ๆ ที่ผู้กำกับดูแลเองก็ต้องปรับตัว ก.ล.ต. เลยเดินหน้าผลักดัน ร่างกฎหมายใหม่ ที่จะให้อำนาจกว้างขึ้น เช่น การสั่งระงับธุรกรรมใหญ่ ๆ หากพบความผิดปกติ หรือสืบสวนคดีที่มีผลกระทบต่อตลาดอย่าง Insider Trading ได้เอง โดยไม่ต้องพึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงฝ่ายเดียว

ตอนนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านการกลั่นกรองจากคณะร่างกฎหมายของนายกฯ แล้ว และอยู่ระหว่างการพูดคุยเพื่อเร่งผลักดันเข้าสู่สภาฯ ซึ่งหากผ่านเมื่อไร จะช่วยให้หน่วยงานกำกับมีเครื่องมือจัดการกับผู้เล่นที่ไม่ซื่อสัตย์ได้รวดเร็วขึ้น และนั่นจะเป็นการเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาสู่ตลาดทุนไทย

พูดง่าย ๆ คือ ปีหน้าเราอาจได้เห็นกองทุน Crypto ETF เมดอินไทยแลนด์ ที่ไม่ได้มีแค่ Bitcoin เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการเปิดพอร์ตเหรียญหลากหลายให้คนไทยลงทุนได้สะดวกขึ้น และที่สำคัญ ก.ล.ต. ก็กำลังพยายามสร้างเกราะป้องกันเพื่อไม่ให้ตลาดกลายเป็น “แดนไร้กฎเกณฑ์” เหมือนอย่างในอดีต

ที่มา : Bloomberg