Reeve Collins ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Tether ได้ออกมาคาดการณ์ว่า ภายในปี 2030 เงินสกุลหลักดั้งเดิมของโลกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ยูโร จะถูกโอนย้ายสู่บล็อกเชน และกลายสภาพเป็น Stablecoin อย่างสมบูรณ์
Collins อธิบายว่า Stablecoin ที่เขาพูดถึงก็คือ สกุลเงินดั้งเดิม เช่น ดอลลาร์ ยูโร หรือเยนที่ทำงานอยู่บนระบบล็อกเชน โดยเขามองว่า Stablecoin จะกลายเป็นวิธีการหลักในการโอนเงินภายในห้าปีข้างหน้า เนื่องจากข้อดีของการ Tokenization หรือการแปลงสินทรัพย์ให้อยู่ในรูปแบบโทเคนดิจิทัลนั้น สร้างประสิทธิภาพและประโยชน์ใช้สอยที่สูงเกินกว่าที่สถาบันการเงินดั้งเดิมจะเพิกเฉยได้อีกต่อไป
Collins ชี้ว่า การ “เปลี่ยนจุดยืนในเชิงบวก” ของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อภาคส่วนคริปโตในปีนี้คือ ปัจจัยสำคัญที่เปิดประตูให้โลกการเงินดั้งเดิมเร่งรีบเข้าสู่ตลาด โดยปัจจุบัน ทุกธนาคาร และสถาบันการเงินขนาดใหญ่ต่างต้องการสร้าง Stablecoin ของตนเอง เนื่องจากเป็นวิธีทำธุรกรรมที่เหนือกว่าและทำกำไรได้ดี
เขายังคาดการณ์อีกว่า เมื่อกระแสนี้ดำเนินต่อไป การแบ่งแยกระหว่าง CeFi และ DeFi จะหายไปในที่สุด แต่จะถูกแทนที่ด้วยแอปพลิเคชันทางการเงินแบบผสมผสานที่รวมรูปแบบการลงทุนดั้งเดิมและรูปแบบ DeFi เข้าไว้ด้วยกัน
Collins ระบุว่า Tokenization ทำให้สินทรัพย์มีความโปร่งใส และประสิทธิภาพ สูงกว่ามาก เพราะสามารถเคลื่อนย้ายได้รวดเร็วทั่วโลกโดยไม่มีคนกลาง ซึ่งเพิ่มประโยชน์ใช้สอย และผลตอบแทนให้กับสินทรัพย์นั้น ๆ
อย่างไรก็ตาม Collins ยอมรับว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ ย่อมมาพร้อมความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของ Blockchain Bridge, Smart Contract และ Wallet แต่เขายืนยันว่า ระดับความปลอดภัยโดยรวมกำลังถูก “ปรับปรุงให้ดีขึ้น” โดยย้ำว่าผู้ใช้งานจะต้องชั่งน้ำหนักระหว่างการควบคุมเงินอย่างสมบูรณ์ ซึ่งมีความซับซ้อนหรือการไว้ใจบริการดูแลสินทรัพย์จากบุคคลที่สาม เช่นเดียวกับการทำธุรกรรมกับธนาคารในยุคดั้งเดิม
ที่มา:cointelegraph

