กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ได้ประกาศจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจใหม่ในชื่อ “Scam Center Strike Force” เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (12 พ.ย.) ถือเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในการ “ยกระดับ” การปราบปรามอาชญากรรมคริปโต โดยมีเป้าหมายเพื่อทลายเครือข่ายกลโกงข้ามชาติ โดยเฉพาะขบวนการต้มตุ๋นที่เรียกว่า “การเชือดหมู” (Pig Butchering)
รวมพลังข้ามหน่วยงาน พุ่งเป้า “เครือข่ายจีน”
หน่วยเฉพาะกิจ Strike Force นี้ จะเป็นการรวมพลังข้ามหน่วยงาน ของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่สำคัญที่สุดของสหรัฐฯ ทั้ง DOJ, FBI, หน่วยสืบราชการลับ (Secret Service) และกระทรวงการคลัง (Treasury)
จีนีน เพียร์โร (Jeanine Pirro) อัยการสหรัฐฯ ประจำเขตโคลัมเบีย ซึ่งเป็นผู้แถลงข่าว ได้ “ชี้เป้า” ไปที่ต้นตอของปัญหาอย่างชัดเจน โดยระบุว่า ภัยคุกคามที่กำลังระบาดนี้ ถูกบงการโดยเครือข่ายอาชญากรรมองค์กรของจีน
เพียร์โรเปิดเผยตัวเลขความเสียหายที่น่าตกใจว่า ในปี 2024 ปีเดียว กลโกงเหล่านี้หลอกลวงชาวเมริกันไปแล้วถึง 1.35 แสนล้านดอลลาร์ เธอยังย้ำว่าภารกิจนี้สอดคล้องกับวาระของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้ผู้บริโภค “รู้สึกปลอดภัย” ในการเข้าสู่โลกคริปโตที่กำลังเติบโต
ยุทธศาสตร์ใหม่ “รุม” แทน “แยกกันตี”
ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยมองว่า นี่คือ “การเปลี่ยนแปลงที่จำเป็น” ที่รอคอยมานาน
อารี เรดบอร์ด (Ari Redbord) หัวหน้านโยบายระดับโลกของ TRM (บริษัทข่าวกรองบล็อกเชน) อธิบายว่า ในอดีต หน่วยงานรัฐบาลต่าง “แยกส่วนกันทำงาน” และล้มเหลวในการยอมรับว่า “ราก” ของปัญหาที่แท้จริงมาจากตลาดมืดในจีน
การจัดตั้ง Strike Force ครั้งนี้ ถือเป็น “แถลงการณ์ที่ชัดเจนที่สุด” ว่าสหรัฐฯ ตั้งใจจะ “ต่อสู้กลับด้วยพลังทั้งหมดของรัฐ” นี่คือการเปลี่ยนยุทธศาสตร์จาก “การตั้งรับแบบแยกส่วน” มาเป็นการ “รุกฆาตแบบประสานงาน”
ถอดโมเดล “ยึด 1.4 หมื่นล้าน”
เรดบอร์ดชี้ว่า “โมเดล” การทำงานของ Strike Force นี้ คือปฏิบัติการที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว นั่นคือการยึด Bitcoin มูลค่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเครือข่ายกลโกงในกัมพูชาที่เชื่อมโยงกับจีน
ปฏิบัติการครั้งนั้น (ซึ่งเป็นการยึดทรัพย์ครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ DOJ) ใช้การประสานงานของทั้ง DOJ, FBI, DEA และกระทรวงการต่างประเทศ
เรดบอร์ดสรุปว่า “มันแสดงให้เห็นว่าเมื่อทุกหน่วยงานทำงานเป็นหนึ่งเดียว โมเดลนี้จะไม่ใช่แค่การ ‘ตั้งรับ’ แต่เป็นการ ‘หยุดยั้งเชิงรุก'”
ที่มา: decrypt