ในวันที่ตลาดเหวี่ยงแรง แดงทั้งกระดาน หรือราคาวิ่งผิดทางจนใจสั่น หลายคนมักจะเริ่มมีพฤติกรรม “จ้องกราฟทั้งวัน” จนความเครียดพุ่ง ไม่กล้าลุกไปไหน นอนไม่หลับกินข้าวไม่ลง และยิ่งดูยิ่งตัดสินใจพลาดเนื่องจากอารมณ์ที่ไม่เสถียร
หากคุณกำลังเจอสภาวะแบบนี้และต้องการวิธีแก้ไข นี่คือ 5 วิธีที่จะช่วยให้คุณหยุดหมกมุ่นกับราคา และกลับมามีสติในการเทรดมากขึ้น
1 ตั้งกฎส่วนตัว: กำหนดเวลาเช็กกราฟแบบจำกัด
ด้วยความที่ยุคปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์ล้วนอยู่ใกล้ตัวเราตลอดเวลาทำให้หลายครั้งเราอาจอดใจไม่ไหวคว้ามันขึ้นมาดูจนเสียสมาธิ
วิธีแก้เบื้องต้นคือต้องตั้งกฎกับตัวเองขึ้นมาเลยว่าวันหนึ่งควรจะดูกราฟกี่ครั้ง เช่นดูเช้า,กลางวัน,เย็น แค่รอบละหนึ่งครั้ง ซึ่งการตั้งกฎแบบนี้จะช่วยตัดนิสัยหยิบมือถือดูราคาแบบไร้เหตุผล และทำให้การติดตามตลาดมีระบบมากขึ้น
2 ปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น
ถัดมาคือการปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นออก เหลือเพียงแต่อันที่สำคัญเท่านั้น ถ้าเราตั้งแจ้งเตือนแบบถี่ๆ ทุกครั้งที่ราคาขยับเราก็จะควักมือถือออกมาดูกราฟ ซึ่งจะเพิ่มความเครียดให้กับเราแบบไม่รู้ตัวทุกครั้งที่ราคาแจ้งเตือน
ส่วนการแจ้งเตือนหลัก ๆ ควรจะเป็นการตั้งเมื่อใกล้ถึงหรือถึงจุด Stop-loss และแจ้งเตือนเมื่อถึงจุดทำกำไรเท่านั้น เพื่อให้สมองได้พัก
3 ให้ตัวเองทำกิจกรรมอื่นที่บังคับให้วางมือถือ
หันมาเลือกทำสิ่งที่ต้องมีสมาธิ หรือดึงเราออกจากกราฟทันที เช่น ออกกำลังกาย 20–30 นาที , อ่านหนังสือ , ทำงานบ้าน หรืออะไรก็ตามที่ทำให้ “มือไม่ว่างพอจะเปิดแอปเทรด”
4 ตั้งสติ ก่อนเปิดกราฟ ดูว่ามันจำเป็นหรือแค่อยากรู้เฉยๆ
ก่อนกดเปิดกราฟ ลองถามตัวเองแค่คำเดียวว่า “เพื่ออะไร?” เพราะบางครั้งเราไม่ได้เปิดกราฟเพื่อตัดทำการสินใจ แต่เปิดเพราะอยากรู้สึกดีขึ้นเมื่อราคาขยับไปตามใจเรามากกว่า
เมื่อเรารู้จุดประสงค์แล้วว่าการเปิดกราฟของเราทำไปเพื่ออะไร เราก็จะสามารถลดการเข้ามาดูโดยไม่จำเป็นออกไปได้
5 วางแผนการเทรดให้รัดกุม
สุดท้ายนี้ อีกหนึ่งวิธีการทำให้เราไม่ต้องเช็คกราฟบ่อยคือการวางแผนการเทรดอย่างรัดกุม ไม่ปล่อยรันเทรนด์ ไม่ปล่อยขาดทุน ตั้งจุด TP และ SL ชัดเจนหนักแน่น กำหนดความเสี่ยงที่เรารับได้
การทำเช่นนั้นจะทำให้เรารู้ว่าสุดท้ายแล้วเราจะได้กำไรเท่าไร และขาดทุนเท่าไรจากการเทรดครั้งนี้โดยไม่ต้องไปมองมัน และปล่อยระบบทำทุกอย่างให้เสร็จสิ้นด้วยตัวของมันเอง
สรุป
การจ้องกราฟบ่อยๆ นอกจากสุขภาพกายจะเสียแล้วยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตอีกด้วย ทางที่ดีที่สุดคือเราควรหาทางสายกลางจ้องมองมันแต่พอดี และมีเหตุผลทุกครั้งไม่ใช่ทำไปเพียงเพราะอารมณ์เท่านั้น เพื่อที่จะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาดที่อาจมานึกย้อนเสียใจในภายหลัง

