<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

กูรูชี้ “วิกฤตสภาพคล่องดอลลาร์” ต้นเหตุ BTC ดิ่ง-คาดร่วงแตะ $80K ก่อนดีดสู่ $250K สิ้นปี

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Arthur Hayes อดีตซีอีโอของ BitMEX และนักวิเคราะห์ฝีปากกล้า ได้ออกมาวิเคราะห์สาเหตุการร่วงลงอย่างรุนแรงของราคา Bitcoin ในช่วงนี้ โดยระบุว่าต้นตอที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากการขาดความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบัน แต่เกิดจาก การหดตัวของสภาพคล่องดอลลาร์ ในระบบการเงินโลก

Hayes มองว่า Bitcoin เปรียบเสมือน กังหันลม ที่คอยตรวจวัดทิศทางสภาพคล่องของเงินเฟียต ซึ่งการที่ราคา Bitcoin ร่วงลงต่ำกว่า 90,000 ดอลลาร์ สวนทางกับดัชนีหุ้นสหรัฐฯ (S&P 500 และ Nasdaq 100) ที่ยังยืนอยู่ในระดับสูง เป็นสัญญาณเตือนภัยว่า วิกฤตสินเชื่อ (Credit Event) กำลังก่อตัวขึ้น

กลไกพิมพ์เงิน จะดันราคาพุ่งสิ้นปี

Hayes ประเมินสถานการณ์ว่า หากตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีการปรับฐานลงราว 10-20% ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยยังคงค้างอยู่ที่ระดับ 5% รัฐบาลสหรัฐฯ และธนาคารกลาง (Fed) จะถูกบีบให้ต้องกลับมาใช้นโยบายพิมพ์เงินอัดฉีดสภาพคล่องอีกครั้ง

เมื่อถึงจุดนั้น เขาคาดการณ์ว่า Bitcoin จะดีดตัวกลับอย่างรุนแรง โดยมีเป้าหมายราคาอยู่ที่ 200,000 ถึง 250,000 ดอลลาร์ ภายในสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นเราอาจได้เห็นราคาปรับตัวลงไปทดสอบโซน 80,000 ดอลลาร์ต้นๆ ก่อนที่จะเกิดการกลับตัว

ความจริงเบื้องหลัง ETF กลยุทธ์ Basis Trade

อีกประเด็นสำคัญที่ Hayes หยิบยกขึ้นมาคือ ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกระแสเงินทุนในกองทุน ETF เขาชี้ว่าการที่เห็นเงินไหลเข้ามหาศาลในช่วงก่อนหน้านี้ ไม่ได้แปลว่าสถาบันการเงินอย่าง Goldman Sachs หรือ Jane Street จะมีมุมมอง Long หรือเชื่อมั่นในราคา Bitcoin เสมอไป

ความจริงคือ สถาบันเหล่านี้ใช้ Bitcoin ETF เป็นเครื่องมือในการทำกำไรแบบ Basis Trade หรือการเก็งกำไรส่วนต่างราคา กล่าวคือ

  1. ซื้อ กองทุน Bitcoin ETF (Spot)
  2. Short สัญญา Bitcoin Futures ที่ตลาด CME ในปริมาณเท่ากัน
  3. กินส่วนต่าง (Spread) ระหว่างราคาสองตลาดโดยไม่มีความเสี่ยงจากทิศทางราคา

วงจรลบที่ทำร้ายรายย่อย

ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อราคา Bitcoin ปรับตัวลง ส่วนต่างราคา (Basis) ของกลยุทธ์นี้จะลดลงตามไปด้วย ทำให้ความน่าสนใจในการทำกำไรลดน้อยลง สถาบันจึงเริ่มปิดสถานะ (ขาย ETF)

สิ่งที่ตามมาคือ นักลงทุนรายย่อยเห็นตัวเลขเงินไหลออก จาก ETF ก็เกิดความตื่นตระหนกและเทขายตาม กลายเป็นวงจรลบ ที่กดดันราคาให้ร่วงลงไปอีก ทั้งที่ในความเป็นจริง การขายของสถาบันเป็นเพียงการปรับพอร์ตทางเทคนิค ไม่ใช่การหมดศรัทธาในตัวสินทรัพย์แต่อย่างใด

ที่มา: decrypt