<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Zcash พลิกบทบาทจาก “เหรียญนอกสายตา” สู่เหรียญที่มีคนค้นหามากที่สุดในเดือน พ.ย. 2025 ได้อย่างไร ?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เดิมทีแล้ว Zcash ถือว่าเป็น “ม้านอกสายตา” ในวงการคริปโต ขณะที่ Bitcoin, Ethereum, XRP และเหรียญมีม ต่างแย่งชิงพื้นที่สื่อได้อย่างต่อเนื่อง ทว่าในเดือนพฤศจิกายนนี้ ทุกอย่างกลับพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ

Zcash (ZEC) ทะยานขึ้นมากลายเป็นเหรียญอันดับ 1 บน Coinbase โดยมียอดการค้นหาสูงถึง 52,000 ครั้ง มากกว่าทั้ง XRP และ Bitcoin ที่อยู่ราว 41,000 และ 39,000 ครั้งตามลำดับ

ด้านราคาเหรียญ ZEC ก็มีการพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงจาก $70 ขึ้นมาแถวระดับ $700 คิดเป็นการพุ่งขึ้นระดับ 1,000% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ดันเหรียญกลับเข้ากลุ่ม Large-cap ได้ชั่วคราว แต่คำถามคือ “อะไรทำให้เหรียญที่ถูกมองข้าม กลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง?”

ที่มา:X/@ThorTorrens

Zcash ลบภาพจำ “เหรียญเก่าที่ถูกลืม” ไปได้อย่างไร ?

สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของ Zcash สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ก่อนคือ ความเป็นมาของโปรเจกต์นี้ 

Zcash เปิดตัวตั้งแต่ปี 2016 เป็นบล็อกเชน Proof-of-Work (PoW) คล้ายกับ Bitcoin มีอุปทานจำกัดเหมือนกันที่ 21 ล้านเหรียญ แต่จุดขายหลักคือ เทคโนโลยี Zero-Knowledge Proofs ที่ทำให้ผู้ใช้งานเลือกได้ว่าจะทำธุรกรรมแบบโปร่งใส หรือแบบ Shielded ที่เน้นความเป็นส่วนตัวสูงสุด

ผู้ก่อตั้ง Zcash คือ Zooko Wilcox ซึ่งเป็น Cypherpunk ระดับตำนานที่คร่ำหวอดในวงการมานาน เคยร่วมงานกับ DigiCash และมีบทบาทสำคัญในการสร้าง Tahoe-LAFS, BLAKE2 และแนวคิด Zooko’s Triangle มาก่อนที่จะมีเหรียญ ZEC เสียอีก

มีอยู่ช่วงนึงที่ Zcash เคยถูกมองว่าเป็น “โครงการวิทยาศาสตร์ราคาแพง” ที่ถูกสนับสนุนโดยนักเข้ารหัสชื่อดัง แต่ความสนใจเริ่มลดลงเมื่อกฎระเบียบเข้มงวดขึ้น Exchange หลายแห่งเพิกถอนเหรียญความเป็นส่วนตัว (Privacy Coin) และ Monero ส่งผลให้มูลค่าตลาด วอลุ่มเทรด และกระแสของ ZEC ร่วงลง แม้จะผ่านอีเวนท์ Halving และการอัปเกรดหลายครั้ง Zcash ก็ยังถูกมองว่าเป็นเหรียญยุคเก่าที่ถูกลืม

การหวนคืนสู่บัลลังก์ของ Zcash 

การกลับมาของ Zcash  เกิดขึ้นจาก 3 ปัจจัยหลัก ๆ ปัจจัยแรกคือ การ Halving ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2024 ที่มีการลด Block Reward จาก 3.125 ZEC เหลือ 1.5625 ZEC ทำให้เหรียญใหม่ที่ออกมาต่อวันลดลงครึ่งหนึ่ง ทำให้ ZEC เริ่มถูกพูดถึงในฐานะ “เงินที่มั่นคง” (Sound Money) ในหมู่ชุมชนคริปโตมากขึ้น

ปัจจัยที่สองคือ การใช้งานจริงของเทคโนโลยีความเป็นส่วนตัว ข้อมูลจาก Coinbase ชี้ให้เห็นว่า จำนวน ZEC ที่ถูกเก็บอยู่ใน “ที่อยู่แบบ Shielded” ได้พุ่งขึ้นจาก 1.7 ล้านเหรียญ เป็นประมาณ 4.5 ล้านเหรียญ ภายในหนึ่งปี ซึ่งหมายความว่า อุปทานเหรียญหมุนเวียนกว่า 27% ได้รับเกราะป้องกันความเป็นส่วนตัว ซึ่งบ่งบอกชัดเจนว่า ผู้ใช้ไม่ได้เข้ามาเก็งกำไรเพียงอย่างเดียว แต่มีการนำเทคโนโลยีไปใช้งานจริง

และปัจจัยที่สามคือ การยกระดับธรรมาภิบาลและการระดมทุน ผ่านการอัปเกรดเครือข่าย NU6.1 เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2025 โดยมีการจัดสรรรางวัลบล็อกใหม่ที่ชัดเจนขึ้น คือแบ่ง 80% ให้กับนักขุด, 8% เป็นทุนสนับสนุนชุมชน, และที่สำคัญคือ 12% จะถูกจัดสรรเข้ากองทุนที่ควบคุมโดยผู้ถือเหรียญ ทำให้ผู้ถือ ZEC มีสิทธิ์มีเสียงอย่างเป็นทางการในการตัดสินใจใช้เงินทุนพัฒนาโปรเจกต์นับล้านดอลลาร์

การกลับมาของ Zcash เกิดขึ้นในจังหวะที่ลงตัว 

จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเกิดขึ้นเมื่อกระแส “ความเป็นส่วนตัว” กลับมาเป็นประเด็นร้อนแรง หลังเกิดช่องโหว่ที่สั่นคลอนความเชื่อมั่นใน Monero ซึ่งเป็นเหรียญหลักในหมวดหมู่ Privacy Coin ทำให้ผู้ใช้งานเริ่มมองหาทางเลือกอื่นที่มั่นคงกว่า และประวัติการอัปเกรดต่อเนื่อง รวมถึงการกำกับดูแลที่ชัดเจน

ขณะเดียวกัน หน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกก็เข้มงวดขึ้นเรื่องกฎหมายต่อต้านการฟอกเงินใหม่  (AML) การบังคับใช้ Travel Rule และการตรวจสอบแพลตฟอร์ม Mixer อย่างเข้มงวด ทำให้เหรียญสายดาร์ก เริ่มถูกกดดันอย่างหนัก

แต่ในทางกลับกัน Zcash ที่มีฟีเจอร์ “ความเป็นส่วนตัวแบบทางเลือก” (Optional Privacy) จึงถูกมองว่า มีความยืดหยุ่นและเข้ากันได้ดีกับสถาบันการเงินที่ต้องการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ทำให้ Zcash ถูกจัดอยู่กลายเป็นดาวเด่นในยุคที่โลกกำลังมีการเปลี่ยนผ่านด้านกฎหมาย

กล่าวโดยสรุปคือ คู่แข่งที่ประสบปัญหา ธีมหลักที่กลับมาได้รับความสนใจ และโปรโตคอลที่สามารถวางตำแหน่งตัวเองเป็น “เหรียญความเป็นส่วนตัวที่มีความรับผิดชอบ”  ได้มอบเรื่องราวใหม่ให้กับ ZEC ในขณะที่นักลงทุนกำลังมองหาเหรียญคริปโต Blue chip ที่ยิ่งใหญ่ตัวต่อไปในตลาด