Bithumb กระดานเทรดคริปโตอันดับสองของเกาหลีใต้ประกาศปิดตลาดซื้อขาย USDT แบบฟ้าผ่า โดยมีผลตั้งแต่เวลา 11:00 น. วันศุกร์ที่ 28 พ.ย. นี้ พร้อมยกเลิกการแชร์สมุดคำสั่งซื้อขาย (Order Book) กับ Stellar Exchange ของออสเตรเลีย แม้จะเพิ่งเปิดให้บริการมาได้เพียงแค่สองเดือนก็ตาม
การปิดบริการซื้อขาย USDT เกิดขึ้นท่ามกลางการสอบสวนอย่างเข้มข้นจากหน่วยข่าวกรองทางการเงิน (FIU) ของเกาหลีใต้ ในประเด็นการต่อต้านการฟอกเงิน (AML) ซึ่งได้ทำการเข้าตรวจสอบกระดานเทรด Bithumb ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2025 เพื่อดูว่าการแชร์ Order Book กับกระดานเทรดต่างประเทศอาจเปิดช่องให้หลบเลี่ยงกฎ AML และ KYC หรือไม่
หน่วยงาน FIU กำลังจับตามองเป็นพิเศษเรื่องความเข้มงวดของขั้นตอนการยืนยันตัวตน และการปฏิบัติตาม Travel Rule ซึ่งเป็นข้อบังคับสำคัญในการติดตามธุรกรรมข้ามพรมแดน มีรายงานว่าการตรวจสอบครั้งนี้ใช้เวลานานผิดปกติ ซึ่งเพิ่มแรงกดดันให้กับ Bithumb แบบต่อเนื่อง
เดิมที Bithumb เปิดตลาด USDT เวอร์ชันเบต้า ในวันที่ 22 ก.ย. 2025 โดยร่วมมือกับ Stellar Exchange เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตลาด แต่ความร่วมมือนี้กลับถูกเพ่งเล็งอย่างรวดเร็ว หลังมีข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ของ BingX บริษัทแม่ของ Stellar จากสิงคโปร์ เข้ามาทำงานที่สำนักงานใหญ่ของ Bithumb ในโซล ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลตั้งคำถามถึงความโปร่งใส และความเสี่ยงจากการร่วมมือกับบริษัทต่างประเทศ
เกาหลีใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องกฎระเบียบสินทรัพย์ดิจิทัลที่เข้มงวดที่สุดในโลก ภายใต้กฎหมายคุ้มครองผู้ใช้ และข้อบังคับจากคณะกรรมการกำกับดูแลด้านตลาดทุนของเกาหลีใต้ (FSC) ทำให้ความร่วมมือใด ๆ กับบริษัทต่างชาติจะถูกตรวจสอบบอย่างละเอียด โดยเฉพาะในประเด็น AML, KYC และการจัดการข้อมูลผู้ใช้
การปิดตลาดซื้อขาย USDT จะส่งผลให้คำสั่งซื้อขายที่ค้างอยู่ทั้งหมดถูกยกเลิก ทันที ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อคริปโตจำนวน 10 สกุล แต่จะยังคงซื้อขายด้วยสกุลเงินวอนได้ตามปกติ
แม้ Bithumb จะแถลงว่า การปิดครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการ “ปรับปรุงระบบให้เสถียรขึ้น” แต่ผู้เชี่ยวชาญมองตรงกันว่า นี่คือ การยอมจำนนต่อแรงกดดันของ หน่วยงานกำกับดูแลโดยตรง
กรณีนี้สะท้อนให้เห็นความท้าทายอันใหญ่หลวงที่กระดานเทรดเกาหลีใต้ต้องเผชิญ เมื่อความร่วมมือข้ามพรมแดนที่ควรจะสร้างความคึกคัก กลับกลายเป็นความเสี่ยงด้านกฎหมายที่ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลหันมาเพ่งเล็งง่ายกว่าที่หลายคนคาดไว้
ที่มา:BeinCrypto
