<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

จับตา! Twenty One Capital โยกย้าย BTC มูลค่ากว่า 4 พันล้านดอลลาร์ เตรียมเข้าเทรด NYSE พรุ่งนี้ สยบข่าวลือ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

วงการคริปโทเคอร์เรนซีต่างจับตามองความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของ Twenty One Capital หลังมีการตรวจพบธุรกรรมโอนย้าย Bitcoin จำนวนมหาศาลถึง 43,500 BTC คิดเป็นมูลค่าราว 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ออกจากบัญชีดูแลผลประโยชน์ (Escrow) เข้าสู่กระเป๋าเก็บรักษาด้วยตนเอง (Self-custody) โดยการเคลื่อนไหวนี้เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการควบรวมกิจการกับ Cantor Equity Partners เพื่อเตรียมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ภายใต้ชื่อย่อ “XXI” ในวันที่ 9 ธันวาคมนี้

ก่อนหน้านี้ ตลาดเกิดความสับสนจากกระแสข่าวลือที่คลาดเคลื่อนว่าบริษัทกำลังโอนเหรียญ “เข้าสู่” ระบบ Escrow ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกแก่นักลงทุนว่าอาจเกิดการเทขายครั้งใหญ่ แต่ข้อเท็จจริงจากเอกสารที่ยื่นต่อ ก.ล.ต. สหรัฐฯ (SEC) และข้อมูลออนเชนจาก Arkham Intelligence ยืนยันตรงกันว่าเป็นทิศทางตรงกันข้าม คือการนำเหรียญออกมาถือครองเอง ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมด้านสินทรัพย์สำหรับโครงสร้างบริษัทมหาชน

นักวิเคราะห์มองว่าการเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นสัญญาณบวกที่แสดงถึงความเชื่อมั่นของสถาบันการเงิน โดยมีลักษณะคล้ายคลึงกับกลยุทธ์ของ MicroStrategy ในช่วงปี 2020-2024 ซึ่งข้อมูลจาก CoinMetrics ชี้ว่า การประกาศถือครองสินทรัพย์ในลักษณะนี้ของบริษัทจดทะเบียน มักมีความสัมพันธ์เชิงบวกที่ทำให้ราคาเฉลี่ยของสินทรัพย์ปรับตัวขึ้นได้ถึง 25% ในช่วงเวลาต่อมา เนื่องจากเป็นการลดอุปทานหมุนเวียนในตลาด

นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวยังช่วยโต้แย้งข่าวลือเรื่องสถานะทางการเงินของบริษัท ที่มีการกล่าวหาว่าประสบภาวะขาดทุนถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งไม่มีมูลความจริง โดยเมื่อคำนวณจากการเข้าซื้อ Bitcoin จำนวน 4,812 BTC เมื่อเดือนตุลาคม 2025 ที่ราคาเฉลี่ย 95,000 ดอลลาร์ เทียบกับราคาปัจจุบันที่ประมาณ 91,000 ดอลลาร์ บริษัทมีผลขาดทุนทางบัญชี (Unrealized loss) อยู่ที่ประมาณ 190 ล้านดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งถือเป็นตัวเลขปกติของความผันผวนในตลาด

ดังนั้น การเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ NYSE ของ Twenty One Capital ในวันพรุ่งนี้ (9 ธ.ค.) จึงเป็นเหตุการณ์สำคัญที่น่าจับตามอง เพราะนอกจากจะไม่ใช่การเทขายหนีตายแล้ว ยังเป็นการตอกย้ำถึงการยอมรับ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์สำรองขององค์กรระดับโลก และอาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันรายอื่นๆ ให้ก้าวเข้ามาในตลาดคริปโทฯ มากขึ้นอีกด้วย

ที่มา: @cryptonobler