สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ได้ออกแถลงการณ์สำคัญเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการเกษียณอายุราชการของ Cicely LaMothe รองผู้อำนวยการกองการเงินบรรษัท (Division of Corporation Finance) ผู้ซึ่งมีบทบาทสำคัญอยู่เบื้องหลังการกำหนดทิศทางนโยบายคริปโตเคอร์เรนซีในช่วงปีที่ผ่านมา การลงจากตำแหน่งของเธอเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ SEC กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่สองของการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ภายใต้นโยบายที่เป็นมิตรต่ออุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น
ผู้อยู่เบื้องหลังความชัดเจนของ Memecoin และ Staking
ผลงานทิ้งทวนที่สำคัญที่สุดของ LaMothe คือการเป็นแกนหลักในการร่างคำแถลงของเจ้าหน้าที่ ที่ช่วยคลายปมปัญหาที่ค้างคาใจนักลงทุนมานาน โดยเฉพาะการออกมาให้ความชัดเจนว่า “Memecoins ไม่ถือเป็นหลักทรัพย์ (Securities)” ซึ่งถือเป็นการปลดล็อกครั้งใหญ่ให้กับวงการเหรียญมีม
นอกจากนี้ เธอยังเป็นผู้กำหนดแนวทางของ SEC เกี่ยวกับกิจกรรมการ Staking ให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น นอกเหนือจากมิติของคริปโตแล้ว เธอยังเป็นผู้นำในการเสนอแนะนโยบายสำหรับบริษัทที่ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลร่าง ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้กับภาคธุรกิจในการเข้าสู่ตลาดทุน
เส้นทางอาชีพจากเอกชนสู่เสาหลัก SEC
Cicely LaMothe เริ่มต้นเส้นทางกับ SEC มาตั้งแต่ปี 2002 และได้ดำรงตำแหน่งระดับสูงหลายตำแหน่งตลอดระยะเวลากว่า 2 ทศวรรษ ก่อนหน้าที่จะเข้ารับราชการ เธอเคยทำงานในภาคเอกชนและเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (CPA) โดยจบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาบัญชีจากมหาวิทยาลัย Hampton ในแถลงการณ์อำลา เธอได้กล่าวว่าการทำงานที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความท้าทายและคุ้มค่า และเธอได้เรียนรู้มากมายจากเพื่อนร่วมงานที่ทุ่มเทให้กับภารกิจสำคัญนี้ทุกวัน
SEC ยุคใหม่ เป็นมิตรกับคริปโตภายใต้รัฐบาลทรัมป์
การเกษียณของ LaMothe เกิดขึ้นในบริบทที่ SEC กำลังปรับเปลี่ยนทิศทางองค์กรขนานใหญ่ หลังจากการเข้ามาของรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์และการเปลี่ยนตัวประธาน SEC คนใหม่ หน่วยงานได้แสดงท่าทีที่เปิดกว้างมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งการอนุมัติมาตรฐานการจดทะเบียน ETF สำหรับคริปโตทางเลือกอย่าง DOGE, SOL และ XRP รวมถึงการยุติคดีความกับบริษัทคริปโตยักษ์ใหญ่หลายแห่ง และการเดินหน้า “Project Crypto” เพื่อปรับปรุงกฎระเบียบสินทรัพย์ดิจิทัลให้ทันสมัย
ในวันเดียวกันนี้ SEC ยังได้ประกาศการสิ้นสุดวาระของ Nekia Hackworth Jones รองผู้อำนวยการกองบังคับใช้กฎหมาย ประจำภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงบุคลากรระดับสูงในช่วงนี้
ที่มา: theblock