ทุก ๆ วันนี้ในตลาดเหรียญ cryptocurrency นั้นมีผู้นำตลาดเหรียญ stablecoin อยู่แล้ว
ซึ่งนั่นก็คือเหรียญ Tether (USDT) ที่ถูกสร้างออกมาเพื่อผู้มูลค่าของมันเข้ากับเงินดอลลาร์ที่เก็บไว้ในคลังแบบ 1:1 โดยเป็นที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบันนั้นเหรียญดังกล่าวกินส่วนแบ่งตลาดมากเป็นอันดับหนึ่ง และเป็นที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายบนเว็บผู้ให้บริการซื้อขายคริปโตเกือบทั่วโลก
แต่ทว่าเมื่อไม่นานมานี้ ตลาดของเหรียญดังกล่าวเริ่มที่จะส่งสัญญาณด้านลบออกมา เมื่อมีข้อวิพากษ์วิจารณ์จากทั่วทุกมุมของวงการคริปโตถึงความโปร่งใสในการบริหารคลังและบัญชีของเหรียญดังกล่าว ที่เคลมว่าพวกเขานั้นมีเงินดอลลาร์ครบทุกเหรียญมารองรับ USDT ที่สร้างขึ้นมา
ภายหลังจากนั้นตั้งแต่ช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลทำให้เหรียญดังกล่าวนั้นไม่ได้ถูกซื้อขายที่ราคา 1 ดอลลาร์อีกต่อไป ราคาของมันร่วงลงไปแตะ 0.85 ดอลลาร์บนตลาดแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม และแม้ว่าอัตราแลกเปลี่ยนของมันนั้นจะค่อย ๆ ฟื้นตัวอย่างช้า ๆ มาแล้วนั้น แต่มันก็ยังห่างจากจุดที่มันควรจะอยู่ ซึ่งในขณะนี้มีมูลค่าอยู่ที่ 0.99 ดอลลาร์
ในขณะเดียวกัน ก็มี stablecoin ตัวอื่น ๆ ที่เริ่มถือกำเนิดขึ้นมา และก้าวเข้ามาในตลาดแล้วตั้งแต่เดือนกันยายน ซึ่งก็มี USD Coin (USDC) ของ Circle, Paxos Standard Token (PAX) และ Gemini Dollar (GUSD) ส่วนอีกสองเหรียญที่เปิดตัวไปได้แล้วพักหนึ่งประกอบไปด้วย TrueUSD (TUSD) ของ TrustToken TrueUSD (TUSD) และ Dai (DAI) ของ Maker
และก็ตามที่หลาย ๆ คนคาดไว้ เมื่อในสนามมีคนล้ม ก็ต้องมีคนที่พยายามวิ่งตามหลังมาเพื่อแซงต่อ เมื่อเหรียญ Tether นั้นเริ่มที่จะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดไปให้กับเหรียญคู่แข่งอื่น ๆ ภายในระยะเวลาเพียงแค่สองสัปดาห์กับอีกครึ่งอ้างอิงจากข้อมูลของ Coindesk ที่เผยว่าเหรียญ TUSD และ USDC นั้นกำลังนำหน้ามา แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถแซง USDT ได้ในขณะนี้
เหรียญเหล่านี้ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในระบบ ecosystem ของตลาดการแลกเปลี่ยน cryptocurrency ไปแล้ว โดยในทฤษฎีนั้น เหรียญ stablecoin ทำให้นักเก็งกำไรสามารถเคลื่อนย้ายเงินของพวกเขาไปมาระหว่างเว็บเทรดได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาธนาคาร นอกจากนี้ เหรียญเหล่านี้ยังช่วยลดความเสี่ยงให้กับนักเก็งกำไรในตอนที่ตลาดมีความผันผวนสูง โดยที่ไม่จำเป็นต้องถอนเงินออกมาจากเว็บเทรดอีกด้วย
ด้านล่างนี้คือข้อมูลอย่างละเอียด
มูลค่าตลาดรวม
โดยปกติแล้ว มันมีอยู่ไม่กี่วิธีในการวัดส่วนแบ่งตลาดของ stablecoin ซึ่งอาจต้องกล่าวตั้งแต่ต้นว่าวิธีเหล่านี้ไม่สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซนต์ วิธีแรกคือการมองลงไปที่มูลค่าตลาดรวม ที่เมื่อเหรียญเหล่านี้ถูกซื้อขายในราคาที่เป็น 1:1 กับสกุลเงินดอลลาร์แล้ว มันจึงควรที่จะมีจำนวน supply เหรียญที่เท่ากับสกุลเงินดอลลาร์ด้วย
“Tether นั้นได้สูญเสียส่วนแบ่งตลาดในแง่ของ supply ที่เป็นเงินดอลลาร์แล้ว ซึ่งมันไปเข้าเหรียญ stablecoin ตัวอื่นแล้ว” กล่าวโดยนาย Nic Carter หรือผู้ให้บริการด้านข้อมูลเหรียญคริปโตนาม Coinmetrics โดยเขายังเผยอีกว่าเหรียญ TUSD และ USDC นั้นเป็นผู้ที่กำลังนำขึ้นมา
กราฟด้านล่างจาก Coinmetrics นั้นเผยให้เห็นว่ามูลค่าตลาดรวมของ Tether นั้นกำลังลดลงเรื่อย ๆ อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งตัวแปรอันดับต้น ๆ ที่ทำให้มันลดลงนั้นมาจากจำนวน supply ของ Tether ที่ลดลง (มูลตลาดรวมนั้นจะเท่ากับราคา หารด้วยจำนวน supply ทั้งหมด)
“ก่อนที่จะเกิดช่วง the run” นาย Carter กล่าวถึงช่วงเวลาตอนกลางเดือนตุลาคม เมื่ออัตราแลกเปลี่ยนของเหรียญ Tether นั้นร่วงลงต่ำกว่า 0.93 ดอลลาร์ อ้างอิงจาก Coinmarketcap “Tether นั้นมีส่วนแบ่งตลาดที่คิดเป็นตัวเลขถึง 94% จากตลาด stablecoin ทั้งหมด และร่วงลงมาเหลือ 83% หลังจากนั้น”
แต่มันเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรจะกล่าวถึงผลกระทบจากการแข่งขันของเหรียญดังกล่าวแบบเวอร์เกินจริง ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ของการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้มาจาก Bitfinex หรือเว็บเทรด cryptocurrency ที่เป็นหุ้นส่วนกับ Tether ได้ส่งเหรียญ UDST นับ 780 ล้านเหรียญไปยังคลังเก็บเหรียญที่ชื่อว่า Tether Treasury ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา
ด้วยขั้นตอนดังกล่าวที่ทางบริษัทอ้างว่าเป็นการ “กู้สถานการณ์” นั้นประกอบด้วยการนำเหรียญ USDT ออกจากการหมุนเวียนของตลาด จนส่งผลทำให้มูลค่าตลาดรวมนั้นร่วงลงไปแตะ 1.9 พันล้านดอลลาร์ จากเกือบ ๆ 2.8 พันล้านดอลลาร์เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ดังนั้น การลดลงของจำนวน supply ของเหรียญ Tether นั้นดูเหมือนว่าจะไม่ได้ทำให้เหรียญ stablecoin ตัวอื่น ๆ ตามที่หลาย ๆ คนเข้าใจกัน นาย Carter ยังกล่าวเสริมอีกว่า “ดูเหมือนว่าเหรียญ USDT ที่ถูกนำไปขายนั้น จริง ๆ แล้วไม่ได้ถูกนำไปแลกเป็นเหรียญของคู่แข่งเลย แต่ว่ามันไปเข้า BTC หรือเงินสดเสียส่วนใหญ่”
โวลลุ่ม
อีกหนึ่งวิธีในการวัดส่วนแบ่งตลาดของ stablecoin นั้นคือการดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่เว็บเทรดเหรียญคริปโตทั่วไปบ้าง
ซึ่งมันไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลย ในช่วง “the run” นั้นมีเว็บเทรดหลาย ๆ เว็บรวมถึง OKEx และ Huobi ที่รีบอ้าแขนรับเหรียญ stablecoin อื่น ๆ เข้ามา
กระนั้น ข้อมูลจาก Coinmetrics นั้นเผยให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของโวลลุ่มการซื้อขายของเหรียญ stablecoin อื่น ๆ ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ขึ้นมาจากจุดเล็ก ๆ (สังเกตกราฟของเหรียญ stablecoin ตัวอื่น ๆ ในแท่งสีน้ำตาลที่มีตั้งแต่ 96 จนถึง 100%)
“โวลลุ่มเหรียญ stablecoin อื่น ๆ บนเว็บเทรดนั้นยังน้อยอยู่ เพราะว่านักเทรดนั้นยังไม่คุ้นเคยกับมัน” กล่าวโดยนาย Carter พร้อมเสริมว่า “tether นั้นยังถือว่าเป็นเหรียญที่ยังใช้งานได้ดีอยู่ (แม้จะเสี่ยงกว่า) สำหรับนักเทรดในการแลกเป็นตัวแทนเงินจริง เพราะมันมีรากฐานด้านการเงินที่ดีมาก่อน”
แต่มันยังมีเรื่องหนึ่งที่ต้องคำนึงถึง ซึ่งนั่นก็คือโวลลุ่มในการทำธุรกรรมบน blockchain ของ stablecoin เหล่านี้
สำหรับกราฟด้านล่างนี้จะเห็นได้ชัดว่าเหรียญ stablecoin ตัวอื่น ๆ นอกเหนือจาก Tether นั้นเริ่มที่จะมาแรงพอสมควร ซึ่งหากนำไปเทียบกับกราฟโวลลุ่มบนเว็บเทรดแล้วนั้น จะเห็นว่ากราฟการทำธุรกรรมบน Blockchain ของเหรียญเหล่านี้สูงกว่าตลอดทั้งเดือน และดูเหมือนว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อย ๆ ตอนที่ Tether เริ่มเข้าสู่ช่วง the run
แม้ว่า Tether จะยังเป็นจ้าวตลาดอยู่นั้น แต่สงคราม stablecoin ในครั้งนี้เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
นาย Carter กล่าวว่า “มันยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าฝ่ายท้าชิงฝ่ายไหนจะได้เป็นผู้ชนะในระยะยาว”
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น