หลังจากที่กฎเกณฑ์ว่าด้วยการระดมทุนผ่าน Initial Coin Offerings (ICO) นั้นเพิ่งถูกคลอดออกมาไม่นานโดยกลุ่มผู้ออกกฎหมายด้านการเงินในไทยอย่าง ก.ล.ต. เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าล่าสุดนั้นจะมีความคืบหน้าในการเตรียมเสนอให้กระทรวงการคลังออกใบอนุญาตเอกชนให้บริการระบบเสนอขายเงินดิจิทัล พ.ย.นี้ และคาดว่าจะสามารถเปิดให้ระดมทุนไอซีโอได้ภายในสิ้นปี
โดยอ้างอิงจากเว็บไซต์โพสต์ทูเดย์นั้น นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกมาเปิดเผยว่ากำลังเตรียมให้การอนุมัติ “ผู้คัดกรอง ICO” หรือ ICO Portal ก่อนหนึ่งราย หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่ามีผู้ยื่นขอเป็น ICO Portal ถึง 5 บริษัทด้วยกัน ซึ่งการอนุมัติดังกล่าวคาดว่าจะมีขึ้นภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ และจะสามารถเปิดให้ระดมทุน ICO ได้อย่างถูกกฎหมายในเดือนธันวาคม
ที่น่าสนใจคือ นายรพียังเผยอีกว่าในขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาออกใบอนุญาตผู้ให้บริการศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) จำนวน 4-5 ราย ซึ่งกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาอนุมัติ โดยคาดว่ากระบวนการทั้งหมดน่าจะเริ่มได้ในเดือนธันวาคมนี้เช่นกัน
ปัจจุบันมีเว็บผู้ให้บริการซื้อขายเหรียญ Cryptocurrency ใหญ่ ๆ ในไทยประมาณ 4 ราย ซึ่งประกอบด้วย Bx, Bitkub, Satang Pro (เปลี่ยนชื่อมาจาก TDAX) และ Coinasset
นายรพียืนยันว่าการระดมทุน ICO ในปัจจุบันนั้นยังไม่ถูกกฏหมาย 100 เปอร์เซ็นต์ ทางก.ล.ต. มีหน้าที่ออกมาเตือนและให้ความเข้าใจกับนักลงทุน โดยก.ล.ต.จะเป็นผู้ที่คอยสร้างมาตรฐานของผู้ประกอบการให้มีคุณสมบัติที่เหมาะสม สามารถเปิดเผยข้อมูล เพื่อให้นักลงทุนได้เข้าใจ รวมไปถึงเตือนนักลงทุนว่าตลาดดังกล่าวมีความเสี่ยงสูงมาก โดยนายรพีกล่าวว่า:
“ที่ผ่านมามีทั้งผู้ที่ขาดทุนอย่างหนักและได้กำไรจากการลงทุนสกุลเงินดิจิทัล แต่ตอนนี้ถือว่ามีการพัฒนาที่ดีขึ้น ทั้งในส่วนของผู้กำกับ ผู้ประกอบการ และนักลงทุนเริ่มเห็นตรงกันในการเน้นสร้างให้เกิดการเติบโตนั่งยืนขึ้น”
นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ยังกล่าวอีกว่า:
“ถ้า ก.ล.ต.และคลังอนุมัติให้ระดมทุนไอซีโอและซื้อขายคริปโทเคอเรนซีได้อย่างถูกกฎหมายก่อนสิ้นปีนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี จะเริ่มเห็นเม็ดเงินจากนักลงทุนสถาบัน จากภาคของการซื้อขายตลาดหลักทรัพย์แบบปกติ เริ่มเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีนักลงทุนซื้อขายเงินสกุลดิจิทัลอยู่แล้ว แต่ถือว่าผิดกฎหมาย”
ดูเหมือนว่าความคืบหน้าของอุตสาหกรรม Cryptocurrency และ Blockchain ในไทยนั้นกำลังจะเริ่มรุดไปข้างหน้าขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งก็ต้องดูกันต่อไป
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น