เมื่อเร็ว ๆ นี้ Mastercard ยื่นคำร้องขอจดสิทธิบัตรเกี่ยวกับการพัฒนาคริปโตเคอร์เรนซีที่มีความเป็นส่วนตัวโดยคิดค้นการทำธุรกรรมที่ไม่จำเป็นต้องเปิดเผย address และปริมาณการทำธุรกรรม
นาย Reuben Yap COO ของ Zcoin ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการจดสิทธิบัตรดังกล่าวว่า:
“สำหรับผมไม่ใช่เรื่องแปลกที่ MasterCard จะนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ประโยชน์แต่มันยังไม่มีการพัฒนาเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวทางการเงินเท่าไรโดยเฉพาะในเรื่องของการสอดแนมจากรัฐบาลที่เข้ามาควบคุมและตรวจสอบการทำธุรกรรมทั้งหมดของเอกชน”
“ในโลกยุคปัจจุบัน ความเป็นส่วนตัวทางการเงินเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะมันไม่ใช่แค่เป็นการปกป้องผู้ใช้งานจากอาชญากรไซเบอร์แต่ยังเป็นการป้องกันไม่ให้องค์กรอื่น ๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลและแหล่งเงินทุนของเราได้ การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลมีให้เห็นอยู่บ่อยจนเราไม่สามารถเชื่อมั่นสถาบันได้ว่าจะสามารถปกป้องข้อมูลส่วนตัวของเราได้”
“ข้อมูลของผู้ใช้งานยังตกอยู่ในความเสี่ยง เห็นได้จาก Mastercard ซึ่งเป็นระบบที่เราเชื่อว่า centralized servers นี้จะปกป้องข้อมูลการทำธุรกรรม อย่างไรก็ตามมันก็ยังทำให้อำนาจจากส่วนกลางเข้ามาควบคุมข้อมูลเหล่านี้ได้ซึ่งก่อให้เกิดการแฮ็คได้ง่ายหากมีความบกพร่องเกิดขึ้นเพียงแค่จุดเดียว”
อ้างอิงจากบทสัมภาษณ์ของนาย Yap จาก Block Tribune
Block Tribune: เราอาศัยอยู่ในโลกที่ข้อมูลส่วนตัวของเราถูกเข้าถึงได้ง่าย มีการห้ามการเดินทางหรือการควบคุมอื่น ๆ อีกมากมาย บริษัทของคุณจะสามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร?.
REUBEN YAP: Zcoin ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวทางการเงินมาก เราพัฒนา Blockchain ของเราเพื่อให้ข้อมูลส่วนตัวและประวัติทางการเงินของคุณเปิดเผยได้ยากขึ้น นอกจากนี้แล้ว Blockchain ของเรายังสามารถนำมาใช้กับการโหวตแบบไม่เปิดเผยตัวตน การทำโพลรวมถึงเป็นเครื่องมือที่ป้องกันไม่ให้เนื้อหาถูกเซนเซอร์โดยการทำให้เนื้อหานั้น ๆ สามารถที่จะอยู่อย่างถาวรและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
พรรคประชาธิปัตย์ของประเทศไทยก็เป็นพรรคแรก ๆ ของโลกที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการสร้างระบบ e-voting โดยใช้ Blockchain ของ Zcoin ซึ่งช่วยปรับปรุงในเรื่องของความโปร่งใส่ของการลงคะแนนเสียงและเป็นครั้งแรกที่การเมืองของไทยนำเทคโนโลยีนี้มใช้เลือกตั้งนายกรัฐมนตรี
ระดับของความเป็นส่วนตัวทางการเงินนั้นมีหลากหลาย แต่สิ่งที่ทุกคนคาดหวังคือการที่คนอื่น ๆ จะไม่สามารถเข้ามาตรวจสอบยอดเงินและประวัติทางการเงินของเราได้ ธนาคารและสถาบันการเงินก็คอยปกป้องข้อมูลเหล่านี้ของพวกเราแต่เราก็เห็นว่ามีข้อมูลมากมายที่ถูกละเมิดแสดงให้เห็นว่าการควบคุมจากรัฐบาลเพียงเท่านี้มันยังไม่พอ
ข้อมูลใน Blockchain ก็ยากที่จะปกป้องเช่นกันเพราะข้อมูลเหล่านั้นมันเป็นสาธารณะที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้โดยเฉพาะนักวิจัยต่าง ๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ง่าย
ดังนั้นทาง Zcoin จึงพัฒนาโปรโตคอลและกลไกที่จะนำมาปกป้องความเป็นส่วนตัวและตัวตนของเราเพื่อทำให้เรามั่นใจได้ว่าเรามีอิสระทางการเงินและมีความปลอดภัยเป็นการสร้างระบบดิจิทัลนี้ขึ้นมาใหม่
BLOCK TRIBUNE: คุณไม่เห็นด้วยกับการจดสิทธิบัตรของ Mastercard เมื่อเร็ว ๆ นี้ คุณคิดว่าบริษัทเช่นนั้นสามารถที่จะขจัดอำนาจส่วนกลางออกไปได้จริงหรือ?
REUBEN YAP: เหตุผลหลัก ๆ ที่เราไม่เห็นด้วยกับการจดสิทธิบัตรของ Mastercard ไม่ใช่เพราะเหตุผลในเรื่องของอำนาจจากส่วนกลางแต่ผมเห็นว่าการคิดค้นดังกล่าวมันไม่ใช่นวัตกรรมและไม่ใช่การคิดค้นใหม่ ๆ จริง ๆ แล้วเขายื่นจดสิทธิบัตรสำหรับ centralized coin mixer ที่ทำให้สามารถตรวจสอบธุรกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่และมันไม่ได้เป็นส่วนตัวเลย
การจดสิทธิบัตรเป็นหนึ่งในสิ่งที่ถูกนำมาใช้อย่างผิด ๆ ในแง่ของทรัพย์สินทางปัญญาโดยเฉพาะเมื่อมันเกี่ยวข้องกับเรื่องของซอฟต์แวร์
เทคโนโลยี Blockchain เป็น open source และเทคโนโลยีอื่น ๆ รวมถึงแผนการณ์ที่จะทำให้มันมีความเป็นส่วนตัวที่ทำให้ทุกคนสามารถสร้างและเข้าถึงได้อย่างเสรีซึ่งการยื่นจดทะเบียนของ Mastercard กำลังทำสิ่งที่เป็นปรปักษ์กับเทคโนโลยีและหลักการของ open source
ฟังก์ชั่นการทำงานที่สำคัญของ Blokchain คือการกำจัดคนกลางออกไปและบริษัทอย่าง Mastercard กำลังการสิ่งที่ตรงข้ามกับหลักการในข้อนี้ของเทคโนโลยี Blockchain
BLOCK TRIBUNE: ในช่วงนี้เราจะเห็นว่าเศรษฐกิจของคริปโตกำลังถดถอยซึ่งทำให้หลาย ๆ บริษัทต้อง layoff คนและต้องปิดตัวลง คุณคิดว่าในอีก 3 เดือนข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น?
REUBEN YAP: เราจะเห็นว่าโปรเจ็คคริปโตหลายโปรเจ็คล้มเหลวเพราะไม่มีเงินทุนและผมคิดว่ามันน่าจะเป็นแบบนี้ต่อไปอีกสัก 2-3 เดือน คนที่ไม่ได้จริงจังกับคริปโตก็จะล้มเลิกไปส่วนคนที่จริงจังก็จะสามารถอดทนและฝ่าฝันอุปสรรคนี้ไปได้
BLOCK TRIBUNE: สิ่งที่คุณคาดหวังให้สาธารณชนเข้าใจตรงกันเกี่ยวกับเทคโนโลยี Blockchain และ Cryptocurrency คืออะไร?.
REUBEN YAP: โดยทั่วไปแล้วคนมักพูดถึงคริปโตเคอร์เรนซีในแง่ที่ว่ามันไม่เสถียร อยู่ ๆ คนก็กลายเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคืนหรือนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงินซึ่งจริง ๆ แล้วมันเป็นความเข้าใจที่ผิดที่เราต้องปรับความเข้าใจกันใหม่
ผมหวังว่าสาธารณชนจะสามารถเข้าใจจริง ๆ ว่าคริปโตเคอร์เรนซีทำหน้าที่เป็นสกุลเงินใหม่ที่มีฟังก์ชันการทำงานที่เป็นลักษณะเฉพาะ การที่จะมีกรรมสิทธิ์ได้เราจำเป็นที่จะต้องมีการครอบครองหรือต้องมีการไปยืนยันตัวตนแต่สำหรับคริปโตเคอร์เรนซีไม่จำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น แค่คุณจำ password หรือเก็บ private key ไว้คุณไม่จำเป็นที่ต้องมีการระบุตัวตัวหรือต้องถือครองมันจริง ๆ ทั้งนี้คริปโตเคอร์เรนซีจะทำให้ทุกคนมีเสรีภาพทางการเงินอย่างแท้จริงเพราะว่าคุณจะสามารถทำธุรกรรมโดยไม่จำเป็นต้องทำผ่านทางธนาคารแบบเดิม
ที่มา blocktribune.com
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น