Federal Reserve Bank แห่ง St. Louis หรือธนาคารกลางประเทศสหรัฐฯ ได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับ Bitcoin ในวันนี้ โดยใจความนั้นได้กล่าวว่าราคาของ Bitcoin นั้นมีศักยภาพในอนาคตที่มีอยู่สามแบบด้วยกัน ซึ่งก็คือไม่จำกัด, มีจำนวนที่เพิ่มขึ้น, เป็นศูนย์ หรืออยู่ระหว่างกลางตัวเลือกทั้งสอง ซึ่งพวกเขาเชื่อว่ามันจะอยู่ระหว่างกลางของตัวเลือกทั้งสอง
ผู้เขียนบทความดังกล่าวนั้นคือนาย David Andolfatto และ Andrew Spewak พวกเขาสรุปว่าหนึ่งในตัวแปรที่ทำให้ราคาของ Bitcoin ร่วงนั้นก็คือจำนวน supply ของเหรียญทางเลือกใหม่ ๆ ที่ดูเหมือนว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในทุก ๆ วัน โดยเหรียญ Bitcoin นั้นถูกนำไปเก็งกำไรอย่างเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว และมีราคาที่ผันผวนมาก พวกเขาอธิบายว่าจำนวน supply ที่คงที่ไม่ได้หมายความว่าจะส่งผลทำให้มูลค่าเพิ่มขึ้น แต่ความต้องการหรือ demand นั้นถือเป็นตัวขับเคลื่อนมูลค่า แต่ทว่ามีเหรียญใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นมาในตลาดมากมาย และเหรียญเหล่านี้ได้ดึงดูดส่วนแบ่งออกไปจากตลาด ซึ่งนั่นหมายความว่าถ้าหาก Bitcoin นั้นยังคงเป็นเหรียญคริปโตที่มีอยู่แค่ตัวเดียวในตลาด (เหตุการณ์ดังกล่าวเคยเกิดขึ้นมาแล้ว แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน) เม็ดเงินทั้งหมดนั้นคงจะไหลไปที่ Bitcoin
Bitcoin maximalists ไม่สนใจขาขึ้นรอบสำคัญ
อย่างไรก็ตาม Bitcoin maximalist นั้นเถียงว่าการมาแย่งชิงการพัฒนาเหรียญ token อื่น ๆ ของ Bitcoin นั้นจะไม่เป็นจริงขึ้นมาแน่นอน เนื่องจากว่ามันมีจำนวน dApps ของ Bitcoin รวมถึงผู้ใช้ที่น้อยกว่ามาก หากเทียบกับของเหรียญตัวเลือกอื่น ๆ อย่างเช่น Tron
บทความของ Federal Reserve กล่าวว่า
“จงพิจารณาการทดสอบดังต่อไปนี้: ร้านอาหารแห่งหนึ่งขายอาหารเป็นมูลค่า 10 ดอลลาร์ และจะรับตัวเลือกในการจ่ายเงินเป็นธนบัตร Hamilton (10 ดอลลาร์) หรือธนบัตรลินคอล์น (5 ดอลลาร์) จำนวนสองใบ ซึ่งอัตราในการแลกเปลี่ยนนั้นจะเป็น 2:1 ทีนี้ลองสมมติดูว่าจำนวน supply ของธนบัตรลินคอล์นนั้นเพิ่มขึ้น แต่จำนวน supply ของธนบัตร Hamilton นั้นยังเท่าเดิม อัตราแลกเปลี่ยนนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง จะเห็นได้ว่าการเพิ่มขึ้นของ supply ของธนบัตรลินคอล์นทำให้อำนาจในการซื้อของทั้งธนบัตรลินคอล์นและ Hamilton นั้นลดลง แม้ว่าจำนวน supply ของธนบัตร Hamilton นั้นจะยังคงที่เท่าเดิม คุณคิดว่าการเพิ่มขึ้นของจำนวน supply ของ altcoin นั้นจะมีผลกระทบต่อราคาของ Bitcoin หรือไม่”
มันยังมีตัวแปรที่ซับซ้อนที่มีต่อราคาของ Bitcoin ที่ซับซ้อนอื่น ๆ อีกมาก แต่กระนั้น เหรียญดังกล่าวก็ถือเป็นเหรียญที่มีสภาพคล่องมากที่สุด จึงทำให้มันเป็นเหมือนกับตัวขึ้นลงทางด่วนให้กับเหรียญคริปโตตัวอื่น ๆ หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้คงจะจำกันได้ดีถึงตอนที่เหรียญ ICO นั้นมีผลต่อราคาของ Bitcoin แต่หากลองมาดูในตอนนี้จะพบว่า Ethereum นั้นเป็นผู้ทำหน้าที่นั้นแทนแล้ว โดยเฉพาะในช่วงปี 2017-2018 นั้นเหรียญ ICO ทำหน้าที่เป็นตัวสร้าง demand ความต้องการให้กับ Ethereum อย่างแท้จริง เหรียญดังกล่าวนั้นมีจำนวน supply ที่เยอะมาก และสามารถผลิตได้โดยไม่มีจำนวนจำกัด ดังนั้นการลดลงของราคาของมันจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล หากสิ่งใดที่มีจำนวนมากและหาได้ง่าย มูลค่าของมันก็จะลดลง
Federal Reserve ออกความเห็นกับมูลค่าที่แท้จริงของ Cryptocurrency
นอกจากนี้ บทความดังกล่าวยังพูดถึง “มูลค่าที่แท้จริง” อีกด้วย
“หากพิจารณาถึงตลาดหมีของ Bitcoin แล้วนั้น จะเห็นว่าการคาดการณ์นั้นขึ้นอยู่กับมุมมองที่ว่า Bitcoin นั้นไม่มีมูลค่าที่มีปัจจัยพื้นฐานมาอ้างอิงเลย และในอีกไม่ช้า ตลาดก็จะแสดงให้เห็นถึงความจริง ในมุมมองของพวกเรานั้น เรายอมรับว่า Bitcoin นั้นกำลังถูกซื้อขายกันในมูลค่าที่สูงกว่าความเป็นจริง โดยที่ไม่มีการเคลมว่ามูลค่าของปัจจัยพื้นฐานนั้นคือศูนย์ด้วย อันที่จริงแล้ว หลักทรัพย์ส่วนใหญ่นั้นก็ถูกซื้อขายสูงกว่าจุดมูลค่าที่แท้จริง อย่างเช่นทองคำ ที่ถูกซื้อขายสูงกว่ามูลค่าที่ถูกวัดโดยอุตสาหกรรม”
ตามที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ มูลค่าที่แท้จริงของ Bitcoin นั้นคือการที่มันเป็นตัวเก็บมูลค่าในรูปแบบดิจิทัล และสามารถส่งหากันได้โดยไม่มีตัวกลาง ในขณะเดียวกัน สำหรับคนส่วนใหญ่นั้นหากพูดคำว่า “blockchain” พวกเขาก็คงจะหนีไม่พ้นมุมมองของ cryptocurrency แม้ว่าในตอนนี้เศรษฐกิจโลกเรากำลังอยู่ในช่วงวิกฤต แต่ความต้องการในการทำธุรกรรมผ่านระบบเข้ารหัสนั้นก็ยังไม่เป็นที่นิยมมากแต่อย่างใด แต่มันก็เป็นไปได้ว่าผู้คนนั้นจะต้องได้ใช้เทคโนโลยี blockchain ในชีวิตประจำวันผ่านธนาคาร และรวมถึงแอพที่เป็น decentralized ตัวอื่น ๆ แน่
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น