อ้างอิงจากการวิจัยใหม่ที่ดำเนินการโดยนาย Alex de Vries ผู้เชี่ยวชาญด้าน blockchain ของ PWC พบว่า 98% ของเครื่องขุดคริปโตเคอเรนซี่ที่มีอยู่ในปัจจุบันนั้นกำลังจะกลายเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์และก่อให้เกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์ตามมาเป็นจำนวนมาก
การแข่งขันที่ดุเดือด
ด้วยอัตราแรงขุด (hashrate) และค่าความยากในการขุดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมการขุดคริปโตเคอเรนซี่จึงมีการแข่งขันที่สูงขึ้น ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ Halving ที่จะเกิดขึ้นในอีกประมาณ 10 สัปดาห์ เครื่องขุด Bitcoin ที่มีอายุมากกว่าจะเริ่มล้าสมัย
เมื่อไม่นานมานี้เว็ปไซต์ TradeBlock ได้ทำนายว่าราคาของ BTC จะพุ่งขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์แตะระดับ $ 15,062 หลังจากที่เหมืองขุดทั่วโลกต่างเริ่มยอมแพ้และเลิกกิจการของพวกเขา
“สิ่งที่น่าตกใจก็คือ อายุโดยเฉลี่ยของเครื่องขุด Bitcoin คือหนึ่งปีครึ่งเท่านั้น เพราะมันจะมีเครื่องขุดรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าออกมาเสมอ” นาย de Vries กล่าว
กองขยะจำนวนมหึมา
นาย De Vries ได้อธิบายต่อว่า 98% ของเครื่องขุด ASIC รุ่นเก่าจะกลายเป็นขยะกองมหึมา เนื่องจากเครื่องขุดเหล่านี้มีกรณีใช้งานเพียงวิธีเดียวเท่านั้นนั่นก็คือการขุด BTC ซึ่งปัจจุบันขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้มีจำนวนมากกว่าขยะที่พบได้ในลักเซมเบิร์กซะอีก (มากกว่า 10 กิโลกรัมต่อปี) และคาดว่าจำนวนนี้จะเพิ่มขึ้นอีกหลังจากเกิดเหตุการณ์ Halving ในเดือนพฤษภาคม
นอกเหนือจากการผลิตขยะขึ้นมาเป็นจำนวนมากแล้ว ตอนนี้ Bitcoin ยังมีผู้บริโภคไฟฟ้ามากเกินกว่าประเทศชิลีแล้วอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นการทำธุรกรรม 1 Btc ยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่าการทำธุรกรรมของวีซ่าถึง 780,650 รายการเลยทีเดียว
ที่มา : u.today
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น