ในช่วงเมื่อวานนี้ทางสยามบล็อกเชนได้มีการรายงานแล้วว่า ศาลฎีกาอินเดียได้ประกาศยกเลิกคำสั่ง ‘ห้ามธนาคารกลาง RBI ยุ่งเกี่ยวกับ Bitcoin’ แล้ว ซึ่งนั่นทำให้ชุมชนคริปโตต่างโฮ่ร้องยินดีไปตาม ๆ กัน
การตัดสินใจของศาลอินเดียในครั้งนี้จะส่งผลทำให้นักเทรดชาวอินเดียสามารถฝากเงินรูปีอินเดีย (INR) จากบัญชีธนาคารไปยังเว็ปเทรดได้โดยตรงและมันจะทำให้ผู้ใช้สามารถฝากเงินเข้าหรือถอนเงินออกจากเว็ปเทรดได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
“นี่เป็นก้าวแรกในการรวบรวมสกุลเงินดิจิทัลในอินเดียเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งมันมีแนวโน้มว่าอินเดียกำลังจะกลายเป็นหนึ่งในตลาดคริปโตเคอเรนซี่ที่ใหญ่ที่สุด” กล่าวโดยนาย Ashish Singhal ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเว็ปเทรดคริปโต CoinSwitch.co
อินเดียทำได้ดีมากในแง่ของวอลุ่มการซื้อขาย โดยพวกเขามีส่วนร่วมในการซื้อขายคริปโตมากถึง 50 ล้านดอลลาร์ถึง 60 ล้านดอลลาร์ต่อวันก่อนยกเลิกคำสั่งห้ามของ RBI
“อินเดียได้รับความเสียหายอย่างหนัก เนื่องจากการขาดความรู้และการตัดสินใจของ RBI” นาย Kumar Gaurav ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Cashaa ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มธนาคารคริปโตกล่าว
เราจะเห็นได้ว่าวอลุ่มการซื้อขายคริปโตเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ RBI ออกกฎระเบียบของธนาคารกลางและธนาคารพาณิชย์ก็ตอบรับโดยการให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ให้บัญชีผู้ใช้ทำธุรกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ cryptocurrency
ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงสองปีที่ผ่านมาธนาคาร Kotak Mahindra Bank ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการกู้ยืมรายใหญ่ที่สุดในอินเดียได้ส่งอีเมลการแจ้งเตือนหลายฉบับไปยังลูกค้าของพวกเขาเพื่อแจ้งเตือนเกี่ยวกับการใช้บัตรเครดิตสำหรับการแลกเปลี่ยน cryptocurrency
ซึ่งนั้นเป็นผลให้นักเทรดคริปโตชาวอินเดียถูกบีบบังคับให้ต้องหันมาใช้แพลตฟอร์มการซื้อขายคริปโตแบบ peer-to-peer ซึ่งอนุญาตให้พวกเขาโอน cryptocurrency ได้โดยตรงไปยังบัญชีระหว่างบุคคล โดยไม่ต้องมีการแทรกแซงของสถาบันการเงินหรือหน่วยงานของรัฐบาล อย่างไรก็ตามการซื้อขายคริปโตฟิวเจอร์นั้นค่อนข้างใช้งานได้ยากเมื่อต้องจัดการเรื่องเงินในแพลตฟอร์มแบบ P2P
นอกจากนี้การตัดสินใจของ RBI ยังถูกตีความออกไปอย่างกว้างขวางว่าเป็นการพิจารณาคดีทางกฎหมายของอินเดีย โดยพิจารณาว่าการซื้อขาย cryptocurrency นั้นเป็นกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย
แต่ด้วยการพิจารณาคดีครั้งล่าสุดของศาลฎีกาคาดว่ามุมมองเหล่านี้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง
“ในขณะนี้เว็ปเทรดคริปโตจำนวนมาก รวมถึง WazirX ได้เปิดช่องทางธนาคารสำหรับการฝากเงินเฟียตและถอนเป็นเงินเฟียตแล้ว” นาย Nischal ผู้ก่อตั้งและ CEO ของเว็ปเทรดคริปโต WazirX กล่าว
โดย Shetty คาดว่าวอลุ่มการซื้อขายคริปโตเคอเรนซี่ของอินเดียจะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 10 เท่าในอนาคตอันใกล้
เช่นเดียวกับนาย Ashok Singhal ของ CoinSwitch ที่คาดการณ์ว่าวอลุ่มซื้อขายเฉลี่ยต่อวันจะเพิ่มขึ้นสูงถึง 50 ล้านดอลลาร์หรือ 60 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับก่อนที่ RBI จะทำการสั่งห้ามและอาจจะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่านั้น
การปฏิบัติตามกฎระเบียบ
“การตัดสินใจของศาลฎีกาในการยกเลิกการสั่งห้ามของธนาคารกลางนั้นจะเป็นตัวเร่งให้เว็ปเทรดคริปโตเคอเรนซี่เริ่มมุ่งเน้นไปที่เรื่องของการปรับใช้กฎระเบียบ (KYC) ,ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ใช้งานและนโยบาย AML” นาย Arpit Ratan ผู้ร่วมก่อตั้ง RegTech กล่าว
สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและลดความเสี่ยงของการนำคริปโตเคอเรนซี่ไปใช้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมายเช่น อาชญากรรมการฟอกเงินและการหลีกเลี่ยงภาษี
“Cashaa ซึ่งมีฐานลูกค้าคริปโตเป็นจำนวนมากจะมอบให้ระบบที่มีประสิทธิภาพให้ผู้ใช้งานชาวอินเดีย ซึ่งมันจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับ RBI ในการรับรู้ถึงปัญหา [การป้องกันการฟอกเงิน] ที่กำลังจะเกิดขึ้น เนื่องจากบริษัทคริปโตได้เริ่มดำเนินการตามมาตรการเหล่านี้แล้ว” นาย Kumar Gaurav CEO ของ Cashaa กล่าว
วอลุ่มการซื้อขายคริปโตเคอเรนซี่จะเพิ่มขึ้น ?
มติเอกฉันท์ของศาลฎีกาจะเป็นตัวที่เปิดเส้นทางไปสู่กฎระเบียบที่เอื้ออำนวยให้กับผู้ที่มีส่วนได้เสียทั้งหมด รวมถึงบริษัท , ลูกค้าและผู้ใช้งาน
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามรัฐบาลยังไม่ได้เสนอร่างกฎหมายในช่วงฤดูหนาวของรัฐสภา ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 พฤศจิกายนถึง 13 ธันวาคมของปีนี้
ดังนั้นหมายความว่ากฎระเบียบและกฎหมายในการดำเนินธุรกิจคริปโตเคอเรนซี่ในอินเดียก็ยังคงไม่ชัดเจน เป็นผลให้วอลุ่มการซื้อขายนั้นอาจไม่สามารถเติบโตเพิ่มขึ้นตามที่คาดการณ์เอาไว้
ที่มา : coindesk
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น