MoneyGram ผู้ให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดนยังคงมุ่งหน้าพัฒนาวิธีการชำระเงินของพวกเขาต่อไปด้วยใช้ ‘กลยุทธ์ multi-cloud’ ร่วมกับ Google Cloud และ Amazon Web Services ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้บริษัทสามารถลดต้นทุนในการโอนเงินได้อย่างมาก
Bleeding Edge Technology
Bleeding Edge Technology มีความหมายรวม ๆ ว่าเทคโนโลยีใหม่ที่ยังไม่รับประกันว่ามันจะรองรับการพัฒนาได้จริงหรือมันจะสามารถใช้กับผลิตภัณฑ์ได้จริง ๆ ไม่มีตัวอย่างการใช้งานในระยะยาว
ทาง MoneyGram จะพึ่งพาเทคโนโลยีของ Amazon Web Service เพื่อเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรม ในขณะเดียวกัน Google Cloud ก็จะช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าโดยการวิเคราะห์พฤติกรรมของพวกเขา
นาย Kamila Chytil, COO ของ MoneyGram อธิบายว่าบริษัทมีความกระตือรือร้นในความต้องการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมานานหลายปีแล้วและทุกสาขาของธุรกิจก็กำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านไปยังระบบดิจิทัล
“การแปลงระบบไปเป็นดิจิทัลจะช่วยให้บริษัทสามารถปรับปรุงวิธีการดำเนินงานและลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นาย Chytil กล่าว
ระบบดิจิทัลก็สามารถสร้างผลกำไรได้เช่นกัน
MoneyGram แสดงความมุ่งมั่นอย่างมากที่จะขยายขีดความสามารถของพวกเขา โดยเมื่อปีที่แล้วพวกเขาได้การเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทชั้นนำด้านบล็อกเชนอย่าง Ripple นาย Alex Holmes CEO ของบริษัทได้เรียกว่า XRP ว่าเป็น “นวัตกรรมสมัยใหม่” และกล่าวด้วยว่าข้อผูกมัดในบัญชี Escrow ของ Ripple นั้นจะช่วยเพิ่มผลกำไรให้กับผู้ที่มีส่วนได้เสีย
ในช่วงไตรมาสที่ 4ของปี 2019 MoneyGram ได้เปิดเผยว่า Ripple ได้มีการลงทุนเพิ่มอีก 20 ล้านดอลลาร์ในส่วนอื่น ๆ ของ MoneyGram เพื่อช่วยเพิ่มวอลุ่มและการใช้งานของเหรียญ XRP ที่ขับเคลื่อนด้วยผลิตภัณฑ์ “On-Demand Liquidity” (ODL)
ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวคาดว่าจะสร้างเม็ดเงินใหม่เพิ่มขึ้นอีกราว ๆ 8.9 พันล้านดอลลาร์
ที่มา : https://u.today
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น