<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

กัมพูชาเตรียมเปิดตัวระบบจ่ายเงินผ่าน DLT สิ้นปีนี้ เล็งใช้แทนดอลลาร์

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ธนาคารกลางกัมพูชาเตรียมใช้เครือข่ายเทคโนโลยี DLT ในระบบการชำระเงินของประเทศ ผู้ใช้งานจะสามารถชำระเงินผ่านแพลตฟอร์มด้วยแอปพลิเคชั่นบนมือถือหรือ QR code ได้แบบทันที

เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ผู้ช่วยผู้ว่าการและผู้อำนวยการทั่วไปของธนาคารกลางประเทศกัมพูชาคุณ Serey Chea เปิดเผยว่าการสร้างเครือข่าย DLT ขึ้นมามีจุดประสงค์เพื่อลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐ

“กัมพูชาอาจเป็นประเทศที่ใช้เงินดอลลาร์มากที่สุดในโลกเลยก็ได้ เกือบๆ 90 เปอร์เซ็นต์ของระบบการเงินเราใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ” เธอกล่าว 

เตรียมเปิดตัวเครือข่าย DLT 

ประเทศกัมพูชาได้พัฒนาเครือข่ายที่ใช้เทคโนโลยี DLT มากว่า 4-5 ปีแล้วและคาดว่าจะเปิดใช้งานเร็วๆ นี้ “เราตั้งเป้าเปิดใช้งานในปี 2020 เร็วๆ นี้แล้ว”

โดยจะมีธนาคารกว่า 12 แห่งเข้าร่วมทดลองแพลตฟอร์มหลังจากนั้นรัฐบาลก็คาดหวังให้สถาบันการเงินเข้ามาร่วมใช้งานด้วยความสมัครใจ

แพลตฟอร์มชำระเงิน DLT ของกัมพูชาสร้างขึ้นมาเพื่อทำให้ธนาคารและผู้ให้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์รวมถึงผู้ใช้งานของธนาคารนั้นมีการติดต่อกันได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ประเทศกัมพูชาก็กำลังพัฒนาโปรเจ็คการชำระเงินข้ามประเทศด้วยโดยจะร่วมมือกับสถาบันการเงินของมาเลเซีย Maybank โดยมุ่งเป้าไปที่การโอนเงินของกลุ่มแรงงานข้ามชาติ

ใช้ DLT แทน USD 

การใช้งานสกุลเงินท้องถิ่นในประเทศกัมพูชานั้นมีน้อยมากซึ่งเหตุผลมันเป็นแง่ของจิตวิทยามากกว่าเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศนั้นถูกครอบงำด้วยเงินดอลลาร์ แต่คุณ Chea ก็มองว่าโครงสร้างทางเศรษฐกิจของกัมพูชานั้นค่อนข้างจะแข็งแกร่ง

“ในประเทศกัมพูชา โครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดเราแข็งแกร่ง เรามีอัตราแลกเปลี่ยนที่คงที่มาก อัตราเงินเฟ้อต่ำ และเศรษฐกิจโดยภาพรวมนั้นดี” เธอกล่าว

จากการวิจัยของธนาคารกลางนั้นเผยว่าการใช้งานเงินเรียลกัมพูชามีน้อยมากเนื่องจากมันไม่ค่อยจะใช้งานได้ง่ายในทางปฏิบัติ

“1 ดอลลาร์สหรัฐมีค่าเท่ากับ 4,000 เรียล หากคุณต้องการซื้อของที่มีมูลค่า 10 ดอลลาร์สหรัฐ คุณก็ต้องจ่าย 40,000 เรียล และถ้ามูลค่าสินค้ามันมากกว่านั้น ก็ยิ่งต้องจ่ายมากกว่าเดิมอีก ซึ่งมันทำให้ชีวิตยุ่งยากมากขึ้น”

ด้านคุณ Chea ก็มองว่าหากสามารถชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้คนก็ไม่ต้องมาเจอกับปัญหาที่ต้องจ่ายเงินจำนวนมากเช่นนี้ซึ่งมันเป็นปัญหาในการพกพาธนบัตรด้วย

ที่มา : cointelegraph