ดูเหมือนว่าขั้นตอน Phase 0 ของเครือข่าย Ethereum 2.0 จะทำการรันอยู่บน full node ที่ชื่อว่า Topaz testnet มาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม บล็อกแรกของ Beacon Chain ที่ผู้คนกำลังรอมาเป็นเวลานานได้ถูกขุดและยืนยันไปแล้วเมื่อช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดย testnet ตัวแรกนั้นชื่อว่า Sapphire และ เป็นเวอร์ชั่นที่ได้ถูกทดสอบด้วยการฝากเหรียญ Ethereum จำนวน 3.2 ETH เข้าไป
ก่อนหน้านี้ Topaz ได้ถูกเปิดใช้งานจริงด้วย node ตัวทดสอบที่มีอยู่ถึง 32 node ด้วยกันเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และตัว testnet ที่ชื่อว่า Onyx ก็ถูกเปิดตัวขึ้นตอนช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยบริษัท Prysmatic Labs หรือผู้ที่เคยทำการทดสอบเครือข่ายดังกล่าวเผยว่าก่อนหน้านี้มี validator ที่ถูกเปิดไว้อย่างเสถียรถึง 20,000 ตัวด้วยกันเมื่อตอนช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ในส่วนของขั้นตอนต่อไปนั้นก็คือตัว multi-client testnet ที่ชื่อว่า Altona สำหรับช่วง Phase 0 ในตอนช่วงต้นเดือนกรกฎาคม โดยจุดประสงค์ของตัว Altona งั้นก็คือการที่ทำให้แน่ใจว่าเครือข่ายนั้นมีความเสถียรมั่นคงก่อนที่จะมีการเปิดตัว multi-client testnet สำหรับ ETH 2.0 อ้างอิงจากตัวอัพเดทล่าสุด
ตัว Testnet สุดท้ายของ ETH 2.0 กำลังใกล้เข้ามาแล้ว
ตัว testnet ตัวสุดท้ายกำลังใกล้เข้ามาแล้วเรื่อยๆหากอ้างอิงจากข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ออกมาระหว่างนักพัฒนา Ethereum บนแอพ Discord
“ในทางเทคนิคแล้วผมไม่คิดว่ามันมีอะไรที่หายไปในการเปิดตัว testnet มันมีอยู่เพียงแค่บางสิ่งที่ควรจะต้องทำให้สำเร็จผมเชื่อว่าแบบนั้น ผมคาดว่าเราจะเริ่มทำการพัฒนามันในช่วงสัปดาห์หน้านี้”
กล่าวโดยนาย Anthony Sassano ผู้ก่อตั้งบริษัท Ethhub
นอกจากนี้บริษัท Prysmatic Labs ยังได้ทำการ Update สถานการณ์ผ่าน blog ของพวกเขาในวันนี้โดยมีชื่อว่า ‘เริ่มเข้าใกล้การเปิดตัว Multi-client Testnet อย่างเป็นทางการแล้ว!’ โดยเผยให้เห็นว่าก่อนหน้านี้ยังมีข้อบกพร่องทางเทคนิคอยู่เล็กน้อย โดยมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาที่ชื่อว่า block propagation และรวมถึง blockchain package ที่เป็นตัวบริหารจัดการ Beacon block แต่ว่าปัจจุบันมันได้ถูกจัดการแก้ไขไปแล้ว โดยนักพัฒนาที่ชื่อว่า Afri Schoedon ได้ออกมาโพสต์สถิติการทดสอบ ETH 2.0 ตามภาพด้านล่างนี้
เขากล่าวว่าปัจจุบันมันยังมีภารกิจที่ต้องจัดการอยู่อีกมากแต่ดูเหมือนว่าตัว testnet ตัวสุดท้ายกำลังจะถูกเปิดตัวแล้วในเร็วๆนี้
“จุดประสงค์ของพวกเราก็คือการที่ทำให้แน่ใจว่า Prysm beacon node นั้นมีความเสถียรและสามารถทำหน้าที่ของมันได้ดีท่ามกลาง peer ที่ช้าหรือพัง”
ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าหากมีการเปิดตัว testnet ตัวใหม่ดังกล่าวขึ้นมาแล้วมันจะส่งผลต่อราคาของเหรียญ Ethereum ที่ในปัจจุบันกำลังซบเซาอย่างมากได้หรือไม่